หลาย ๆ คนคงจะรู้จัก
กองทุน LTF และ
RMF กันเป็นอย่างดีในแง่มุมของ
การลงทุนที่ช่วยให้เราได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนได้อีกด้วย แต่นอกจากกองทุนทั้งสองประเภทนี้แล้ว ยังมีอีกหลายกองทุนที่เราสามารถลงทุนเพิ่มเติมได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ วันนี้ เรามีตัวอย่างประเภทกองทุนที่น่าสนใจมาฝากกันครับ
คือ กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ซึ่งนับว่า เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เหมาะกับการลงทุนระยะสั้นที่ไม่ต้องการความเสี่ยง เช่น เป็นที่พักเงินในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ และดอกเบี้ยที่ได้ก็ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
คือ กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ของภาคเอกชน เนื่องจากผลตอบแทนจากตราสารหนี้จะเป็นดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอ จึงทำให้กองทุนรวมตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม ราคาตราสารหนี้อาจมีความผันผวนได้ซึ่งจะส่งผลต่อราคากองทุน ดังนั้นกองทุนประเภทนี้ จึงมีความเสี่ยงสูงกว่า และเหมาะกับนักลงทุนที่มีระยะเวลาลงทุนนานกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน
ภายใต้การตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน กองทุนรวมผสมสามารถลงทุนได้ในหลักทรัพย์ทุกประเภท เช่น ตราสารหนี้ หุ้น โดยมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นระหว่าง 35-65% ของทรัพย์สินสุทธิ กองทุนรวมผสมมีความเสี่ยงในระดับปานกลาง เหมาะกับนักลงทุนที่พร้อมจะรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น
โดยกองทุนจะต้องมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65% ของทรัพย์สินสุทธิ ดังนั้น ความผันผวนของราคาหน่วยลงทุนจึงค่อนข้างสูง แต่นักลงทุนก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเช่นกัน
เป็นการนำเงินจากกองทุนไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสการลงทุนในต่างประเทศให้กับนักลงทุนรายย่อย โดยมีผู้บริหารกองทุนมืออาชีพคอยดูแล อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของกองทุน FIF จะสูงกว่ากองทุนที่ลงทุนในประเทศ เนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งความเสี่ยงจากสถานการณ์ของประเทศที่กองทุนเลือกลงทุน
เป็นการนำเงินลงทุนไปซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ และได้ผลตอบแทนในรูปของค่าเช่า มาจ่ายคืนให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินปันผล กองทุนประเภทนี้ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้ด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก นอกจากนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ยังมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทำให้สภาพคล่องในการลงทุนมีสูงกว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยตรงอีกด้วย
เห็นไหมครับว่า ยังมีกองทุนอีกหลายรูปแบบที่เราสามารถเลือกลงทุน ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้ ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจเลือกกองทุน อย่าลืมตรวจสอบผลการดำเนินงานในอดีต ความสามารถของผู้จัดการกองทุน สภาพคล่องของการซื้อขายหน่วยลงทุน และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยกองทุนประกอบการตัดสินใจนะครับ