เตรียมตัวไปเที่ยวเกาหลี ขั้นตอนขอวีซ่ายังไงให้ผ่านฉลุย

เตรียมตัวไปเที่ยวเกาหลี ขั้นตอนขอวีซ่ายังไงให้ผ่านฉลุย

By Krungsri Plearn Plearn
ออซอโอเซโย.. แน่นอนว่าสำหรับคำทักทายแบบนี้ หากแฟนคลับ หรือคนเลิฟอะไรที่เกี่ยวข้องกับประเทศเกาหลีที่ได้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน แต่ปัจจุบันหลังจากเปิดประเทศจากวิกฤตโรคระบาด และปัญหาทำงานผิดกฎหมายของคนหลาย ๆ ประเทศ ทำให้เดินทางไปท่องเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง กลับยากลำบากยิ่งกว่าเดิม หลายคนเดินทางไปถึงแล้วก็เข้าประเทศไม่ได้ ติดปัญหามากมาย คนที่อยากเที่ยวก็ได้แต่เศร้าใจ แค่อยากไปตามรอยศิลปิน K-Pop ที่ชื่นชอบ แวะเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแค่นั้นเอง ถึงแม้การเข้าประเทศเกาหลีที่ว่ายาก… แต่ก็ไม่ใช่จะเข้าไม่ได้ถ้าเรามีการเตรียมพร้อมที่ดี หากใครมีแผนที่จะไปเที่ยวเกาหลี วันนี้มารู้จักเคล็ดลับเตรียมตัวไปเกาหลีเที่ยวอย่างสบายใจ จะไปคนเดียว หรือไปยกแก๊งก็ไปเที่ยวได้แบบชิลล์ ๆ
อยากไปเที่ยวเกาหลี ขอวีซ่ายังไงให้ผ่านฉลุย

อยากเที่ยวเกาหลีแบบสบายใจ ต้องมีครบทั้ง K-ETA และวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี

แต่เดิมการไปเที่ยวเกาหลี ไม่ว่าจะไปเที่ยวคนเดียว หรือไปกับกรุ๊ปทัวร์เราก็สามารถเดินทางไปได้ทันทีไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสารการเข้าเมืองหรือวีซ่า แต่เมื่อมาตรการไปเที่ยวเกาหลีเข้มงวดขึ้น ทางภาครัฐจึงจำเป็นให้ทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศต้องลงทะเบียน K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) หรือใบอนุญาตเข้าเกาหลีสำหรับคนต่างชาติ ซึ่งเราสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเองที่ www.k-eta.go.kr หรือผ่านแอปฯ K-ETA ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนประมาณ 300 บาท

ขั้นตอนการสมัคร K-ETA

  • เข้าเว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือแอปพลิเคชัน K-ETA จากนั้นเลือกทวีป (Select continent) เป็น Asia Pacific และสัญชาติ (Select the nationality) เป็น Thailand พร้อมกดยอมรับเงื่อนไขทั้งหมด
  • ระบุอีเมลส่วนตัวที่ใช้งานเป็นประจำ สำหรับรับผลการอนุมัติ
  • กรอกรายละเอียดหนังสือเดินทางให้ครบถ้วน และอัปโหลดรูปถ่ายหน้าหนังสือเดินทาง โดยแอปพลิเคชันจะสามารถใช้กล้องสแกนได้ทันที
  • กรอกข้อมูลส่วนตัว และแผนการเดินทาง เช่น ข้อมูลอาชีพ ที่ทำงาน รายได้ วัตถุประสงค์ในการมาเกาหลี ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของที่พักในเกาหลี และกำหนดการเดินทาง
  • แนบไฟล์รูปถ่ายหน้าตรง ซึ่งหากสมัครผ่านแอปพลิเคชันก็สามารถใช้กล้องมือถือถ่ายได้เลย (ขนาดไฟล์ต้องไม่เกิน 20MB)
  • ชำระค่าธรรมเนียม 10,000 วอน (ประมาณ 240 บาท) ผ่านบัตรเครดิต หรือเดบิต
  • ตรวจสอบผลการสมัครได้ผ่านทางเว็บไซต์ หรืออีเมลที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งจะแสดงสถานะอย่างชัดเจนว่าผ่าน (Approved) หรือไม่ผ่าน (Disapproval/Denied)

ขั้นตอนการสมัครวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี

ถึงเราจะลงทะเบียน K-ETA แต่ถ้าอยากไปเที่ยวเกาหลีได้แบบชัวร์ ๆ ไม่ต้องรอลุ้นที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เราอาจต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีเพื่อช่วยการันตีให้เราไปเที่ยวเกาหลีได้ง่ายขึ้น สำหรับการทำวีซ่าเที่ยวเกาหลีเราจะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
  1. รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว ขนาด 3.5 ซม. X 4.5 ซม.(1.5นิ้ว) โดยต้องเห็นใบหน้าผู้สมัครขนาด 2.5 ซม. X 3.5 ซม.
  2. พาสปอร์ตของเรา และให้ถ่ายเอกสารสำเนาไว้ 1 ฉบับ
  3. ตราประทับ Re-entry Permit ที่รับจากตม.ประเทศไทย และสำเนาอีก 1 ชุด
  4. หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทประเทศไทย (เป็นภาษาอังกฤษโดยระบุตำแหน่ง และเงินเดือน)
  5. หนังสือรับรองบัญชีเงินฝากของผู้ยื่นขอวีซ่าจากธนาคารของไทย (เป็นภาษาอังกฤษ และออกโดยธนาคาร) และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากทุกหน้า (อย่างน้อย 6 เดือน)
  6. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน
  7. หลักฐานการจองโรงแรมระหว่างการเที่ยวเกาหลี
  8. กำหนดการการท่องเที่ยวเกาหลีในแต่ละวัน (ให้เป็นภาษาอังกฤษ)
  9. ค่าธรรมเนียม (หน่วยเงินเป็นบาทเท่านั้น))
ขั้นตอนการสมัครวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี มีดังนี้
  • นำเอกสารที่เตรียมไว้ทั้งหมดไปยื่นที่สถานทูตเกาหลีได้โดยไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า ในช่วงเวลา 08.30 – 11.00 น.
  • เมื่อไปถึง ให้กดบัตรคิวหมายเลข 0 สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว และรอเจ้าหน้าที่เรียก จากนั้นยื่นเอกสารทั้งหมดพร้อมชำระค่าธรรมเนียม
  • หลังจากยื่นเอกสารแล้วจะใช้เวลารอผลพิจารณาประมาณ 4 สัปดาห์ ในระหว่างนี้หากสถานทูตฯ ติดต่อเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติม สามารถนำไปยื่นได้ในช่วงเวลา 13.30 – 15.00 น. โดยกดบัตรคิวหมายเลข 1
  • เมื่อวีซ่าผ่านการอนุมัติแล้ว จะต้องไปรับเล่มหนังสือเดินทางคืนด้วยตนเองที่สถานทูตฯ ในช่วงเวลา 13.30 – 15.00 น. (ยกเว้นวันหยุดทำการ)
  • กรณีที่วีซ่าถูกปฏิเสธ จะไม่สามารถอุทธรณ์ได้ และหากต้องการยื่นขอใหม่ จะต้องรออย่างน้อย 2 เดือนหลังจากวันที่ทราบผล

หมายเหตุ : หากไม่สามารถไปยื่นด้วยตนเอง สามารถให้ผู้แทนดำเนินการได้ แต่ต้องมีใบมอบอำนาจตามแบบฟอร์มของสถานทูตฯ และสำเนาเอกสารยืนยันตัวตนของผู้รับมอบอำนาจด้วย

K-ETA และ วีซ่าเกาหลี แตกต่างกันอย่างไร

K-ETA เป็นระบบลงทะเบียนออนไลน์สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า (ซึ่งรวมถึงประเทศไทย) เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในระยะสั้นไม่เกิน 90 วัน และเหมาะกับคนที่มีประวัติการเดินทางดี ไม่เคยทำผิดกฎหมายในเกาหลีมาก่อน แต่การมี K-ETA ก็ยังไม่ได้รับประกันการเข้าประเทศ 100% เพราะยังขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด้วย

ในขณะที่การขอวีซ่า จะเป็นเหมือนใบอนุญาตเข้าประเทศอย่างเป็นทางการ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพำนักระยะยาวด้วยวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการท่องเที่ยว เช่น ไปเรียนต่อ ทำงาน หรือแต่งงาน รวมถึงผู้ที่อาจเคยมีประวัติซับซ้อน แล้วต้องการทำให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยการันตีการเข้าประเทศได้ดีกว่า

วิธีเตรียมตัวเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองเที่ยวเกาหลีใต้

เมื่อทำเอกสารขอวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีเสร็จแล้วจุดนี้ล่ะ คือการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ตอนนี้มีปัญหากันมาก แล้วเราจะเตรียมตัวเองอย่างไร ? ถึงจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วไปเที่ยวเกาหลีได้แบบสบายใจ
ไปเที่ยวเกาหลี แต่งตัวแบบพอดี

แต่งตัวแบบพอดี ๆ ไม่ต้องเว่อร์เกินไป

หลายคนพอจะไปเที่ยวเกาหลี แล้วอยากแต่งตัวจัดเต็มแบรนด์เนมทั้งตัว บางทีเราไม่จำเป็นต้องใส่ให้เด่นขนาดนั้นก็ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นจุดสนใจ โดนเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ ให้เลือกใส่ชุดมาให้เหมาะสม เช่น มาหน้าหนาว ก็ใส่ชุดกันหนาวแบบพอดี ๆ มีแว่นกันแดด สะพายกล้อง ใส่รองเท้าผ้าใบแบบนี้ อย่าพยายามใส่ชุดที่คล้ายกับมาใช้แรงงาน เพราะอาจโดนเข้าห้องเย็น แล้วโดนส่งกลับประเทศได้ง่าย ๆ
พูดจาให้ป็นธรรมชาติ ตม.คนไหนก็ผ่านฉลุย

พูดจาเป็นธรรมชาติ อย่าตื่นเต้นเกินไป

เมื่อลงเครื่องแล้วต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเจอคำถามก็ตอบเค้าไปแบบธรรมชาติ อย่าตื่นตกใจจนเกินเหตุ สำหรับคำถามที่เจ้าหน้าที่จะถามจะเป็นเรื่องง่าย ๆ เช่น มาเที่ยวเกาหลีกี่วันเราพักโรงแรมไหน หรือมีแพลนการเที่ยวเกาหลีมาด้วยไหม เป็นต้น ถ้าเราไม่เข้าใจคำถามไหนเราก็สามารถถามเค้ากลับไปได้เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องผิด หรือถ้าเรามาคอนเสิร์ตก็บอกเจ้าหน้าที่ไปเลยก็ได้ เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเรามาเที่ยวเกาหลีจริง ๆ แล้วจะผ่านด่านตรวจเข้าเมืองได้ง่ายขึ้น
เตรียมเอกสารและอุปกรณ์ท่องเที่ยวให้ครบถ้วน

เตรียมเอกสารเที่ยวเกาหลี มาให้ครบ

หลายคนที่ไปเที่ยวเกาหลีแล้วไม่ผ่านตรวจคนเข้าเมือง เพราะไม่ได้นำสิ่งนี้มาด้วย นั่นคือ แพลนการท่องเที่ยวเกาหลี ซึ่งเจ้าหน้าที่มักจะขอดู เช่น วันแรกที่เรามาถึงเกาหลีเราจะเดินทางไปไหนบ้าง แล้ววันอื่น ๆ เรามีแผนการเดินทางอย่างไร มีการจองตั๋วรถแบบไหน แลกเงินเพื่อใช้ในการท่องเที่ยวเกาหลีเท่าไหร่ และโซนไหนที่เราจะไปเที่ยว หากเป็นเมืองที่เน้นอุตสาหกรรม ก็มีเปอร์เซ็นต์ที่เจ้าหน้าที่จะไม่ให้เราผ่าน เพราะกลัวเราจะเข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราไปเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เน้นความบันเทิง มั่นใจได้เลยว่าผ่านชัวร์ และถ้าใครอยากได้เรทเงินวอนดี ๆ สามารถลองใช้บริการ Krungsri Boarding Card พกใบเดียว ไม่ต้องพกเงินสดเยอะ ๆ อีกต่อไป เพราะบัตรเดียวเที่ยวเกาหลีได้สบาย ๆ

เที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง VS เที่ยวกับทัวร์ แบบไหนดีกว่ากัน ?

แล้วไปเที่ยวเกาหลี ใช้เงินเท่าไหร่ ? และเราจะเลือกเดินทางด้วยตัวเอง หรือจะเที่ยวผ่านการจัดทัวร์ แบบไหนจะดีกว่ากันมาดูเลย

การมาเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง

การที่เราไปเที่ยวเองจะเป็นการปลดล็อกหลาย ๆ สกิลของเราที่มีอยู่เลยก็ว่าได้ สิ่งแรกเลยที่จะได้จากการไปเที่ยวคนเดียวคือ ‘อิสระ’ เราจะมีอิสระในทุก ๆ การวางแผนการไปเที่ยวเกาหลีของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร หรือย่านร้านดังต่าง ๆ หรือแม้แต่สถานที่ Unseen จุดที่ไม่เป็น Tourist Spot เพียงแค่เราจะต้องศึกษา และหาข้อมูลมาให้แน่น ๆ เท่านั้นเอง อีกอย่างเลยคือการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ เราจะต้องศึกษาวิธีการเดินทางของประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน แท็กซี่ หรือรถเมล์ เราต้องรู้ว่าขึ้นลงสถานีไหน ป้ายไหน จะได้ไม่หลงทางกันนะ

เราสามารถที่จะใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ได้ในสถานที่นั้น ๆ ที่เราชื่นชอบ จะไม่มีใครมาคอยกำหนดเวลาหรือคอยเร่ง แต่แน่นอนล่ะว่าการไปเองค่าใช้จ่ายก็อาจจะสูงหน่อย นี่ยังไม่รวมพ็อกเก็ตมันนี่ที่เราต้องเตรียมไปเผื่อช้อปปิ้งอีก เพราะฉะนั้นจะต้องวางแผนเรื่องการเดินทางแบบรัดกุมที่สุดเพื่อไม่ใช้เกินงบที่วางไว้

อีกอย่างเลยการที่ไปเที่ยวเกาหลีเองเราจะได้สนุกกับการเที่ยวในไลฟ์สไตล์ของเรา ได้เจอเพื่อนใหม่ตลอดทาง ได้ลิ้มลองอาหารใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลาย และที่สำคัญเลยคือเราจะได้ประสบการณ์เที่ยว และประสบการณ์ชีวิตที่จะไม่เคยลืมแน่นอน

การไปเที่ยวเกาหลีกับกรุ๊ปทัวร์

แต่ถ้าไปกับทัวร์ เราก็จะสบายไปอีกแบบเพราะเราไม่ต้องวางแผนการเที่ยวเลยทัวร์จะจัดการให้เราหมด ไม่ใช่แค่แผนการเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ แต่รวมไปถึงโรงแรม ร้านอาหารด้วยนะ หน้าที่ของเราหลัก ๆ เลยคือไปเที่ยวเกาหลีให้สนุกและทำตามแผนที่ทัวร์วางไว้ให้เรา แต่อย่างว่าก็ต้องแลกมากับการไม่ได้อิสระเท่าที่ควร เช่น ถ้าเราไม่อยากไปสถานที่ตรงนี้เราก็ทำไม่ได้ ไม่กินร้านอาหารร้านนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเราจ่ายเงินทัวร์ไปแล้ว การไปกับทัวร์สิ่งที่เราต้องรู้เลยคือเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทัวร์เขาจะมีตารางที่จัดไว้แล้วเพราะฉะนั้นเราเองที่จะโดนจำกัดเวลา

การไปกับทัวร์ค่าใช้จ่ายค่อนข้างประหยัด คือจ่ายก้อนเดียวจบ และได้ราคาที่ถูกลงเพราะทัวร์ส่วนมากจะเป็นในราคาเหมา แต่บางทัวร์อาจจะมีค่าไกด์นำเที่ยว หรือพ็อกเก็ตมันนี่ที่เราจะต้องเตรียมแยกไปเพิ่มเติม

ถ้าใครไม่ค่อยมีเวลาหาข้อมูล หรือวางแผนการเที่ยวไม่ค่อยเป็น การไปเที่ยวกับทัวร์ก็ไม่แย่เลยทีเดียวเพราะมีทั้งประกัน มีไกด์ มีตารางการท่องเที่ยวแบบเป๊ะเว่อร์ เราจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ แบบหมู่คณะรู้จักเพื่อนร่วมทัวร์สนุกไปอีกแบบ แล้วไปเที่ยวเกาหลีรอบนี้จะไปไหนดี ลองตามมาดู

5 สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีที่ต้องไปห้ามพลาดเลย

เมื่อเตรียมตัวพร้อม ผ่านด่านฉลุย ก็ถึงเวลาเที่ยวให้สนุก สำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดียว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี เรามี 5 พิกัดยอดฮิตที่บอกเลยว่าห้ามพลาดมาฝากกัน
เที่ยวเกาหลีที่พระราชวังเคียงบกกุง gyeongbokgung palace

1. พระราชวังเคียงบกกุง Gyeongbokgung Palace

เป็นทั้งสัญลักษณ์ และแหล่งท่องเที่ยวของกรุงโซล เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซลเลย ที่ใครไปเที่ยวเกาหลีไม่ควรพลาดไปเช็คอิน
เที่ยวเกาหลีที่เกาะนามิ namiseom island

2. เกาะนามิ สุดโรแมนติค Namiseom Island

หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “นามิโซม” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวหลักที่จะพลาดไม่ได้เลยของประเทศเกาหลี เพราะมีชื่อโด่งดังไปทั่วโลกจากซีรีส์ยอดฮิตเรื่อง Winter Sonata หรือชื่อไทย เพลงรักในสายลมหนาว ใครไปเที่ยวเกาหลีแล้วอยากตามรอยซีรีส์เรื่องนี้ แล้วอยากสวมบทเป็นพระเอกหนุ่ม เบยองจุน และนางเอกสาว ชเวจีอู รับรองทริปนี้บันเทิงสุด ๆ
เที่ยวเกาหลีที่ทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา gyeonghwa station

3. ทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station

ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะพลาดไม่ได้เลยสำหรับใครที่กำลังจะไปเกาหลี เพราะเป็นจุดชมซากุระที่สวยอันดับต้น ๆ ของเกาหลีเลย เราสามารถมองเห็นรถไฟที่วิ่งมาจอดที่สถานีพร้อมกับมีวิวอุโมงค์ดอกซากุระที่ทอดยาวเต็มทั้งสองข้างทางช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป
เที่ยวเกาหลีที่ย่านช้อปปิ้งเมียงดง

4. ย่านช้อปปิ้งเมียงดง - Myeongdong Street Market

ไปเที่ยวเกาหลีทั้งที ขาช้อปก็ต้องไม่พลาด โซนช้อปปิ้งที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก “ย่านช้อปปิ้งเมียงดง” อยู่ใจกลางกรุงโซลย่านฮิตที่ใครไปเกาหลีก็ต้องไป ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านคนต่อวันเลย
เที่ยวเกาหลีที่โซลทาวเวอร์ หรือ นัมซาน ทาวเวอร์

5. โซลทาวเวอร์ หรือ นัมซาน ทาวเวอร์ - N Seoul Tower

สถานที่แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองโซล ที่เปิดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1980 ตั้งอยู่บนเขานัมซัง มีความสูงถึง 236 เมตร ดูวิวแบบพาโนราม่า ถือเป็นหนึ่งในทาวเวอร์ที่ให้วิวสวยที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเคล็ดลับการเตรียมตัวไปท่องเที่ยวเกาหลี ใครที่กำลังเล็งจะไปเที่ยวเกาหลีในช่วงนี้ ก็สามารถนำเคล็ดลับดี ๆ ในบทความนี้ไปลองปรับใช้ได้ เพราะจะได้ไม่ต้องมานั่งเซ็ง หรือเสียใจหากไปถึงที่แล้วไม่ผ่านตรวจคนเข้าเมือง และหากใครได้ไปก็ขอให้โชคดี ขอวีซ่าเกาหลี และผ่านตม.ฉลุย ให้เที่ยวเกาหลีอย่างมีความสุขกันนะทุกคน…
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา