ถ้ากล่าวถึงอาหาร การมีหลายรสชาติผสมเข้าด้วยกันทั้ง เปรี้ยว หวาน ขม ในอัตราส่วนที่ลงตัว ทำให้ได้รสชาติอร่อย แต่หากกล่าวถึงอาชีพคุณหมอ อาชีพพ่อครัว และอาชีพนักธุรกิจ เราคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าคนสามารถทำทั้งสามอย่างนี้ได้ในเวลาเดียวกัน เขาต้องบริหารชีวิตตัวเองอย่างไร มาคุยกับ หมอตั้ม ดิษกุล ประสิทธิ์เรืองสุข หรือที่เรารู้จักกันในนาม หมอตั้ม Masterchef Season 2
ทำอะไรอยู่บ้าง
ตอนนี้กำลังเรียนต่อ เป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬา แล้วก็เปิดเพจชื่อว่า “EAT Matters by หมอตั้ม” แล้วเปลี่ยนเป็น “FriendsMatter” คือทำร่วมกับพี่ลัดกับพลอยด้วย แล้วก็เปิดร้านชื่อว่า “Atomic Pills”
อาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงสูงอยู่แล้ว แล้วการทำอาหารมันเริ่มขึ้นได้ยังไง
ชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กแล้ว จำไม่ได้เหมือนกันว่าเริ่มยังไง แต่ตอนม.ปลายก่อนจะเอนทรานซ์เคยขอคุณพ่อคุณแม่เรียนต่อทางสายอาหาร แต่ท่านไม่เห็นด้วย เพราะยุคสมัยนั้น คือเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วอาชีพนี้ไม่ได้ดูมั่นคงเหมือนในปัจจุบัน ก็เลยสอบเข้าไปในคณะแพทย์ศิริราช แล้วก็กลายเป็นเรียนหมอมาตั้งแต่ตอนนั้น
มาสเตอร์เชฟคือที่แรกที่เข้าสู่วงการอาหารเลยรึเปล่า
ใช่ครับ หลังจากเรียนจบก็ใช้ทุน ซึ่งมันมีเวลามากกว่าตอนที่เรียน เราก็เลยมีเวลาให้กับสิ่งที่เรารักมากขึ้น ก็เริ่มทำอาหารกินเองก่อน แล้วก็ค่อย ๆ พัฒนาฝีมือเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งมีรายการมาสเตอร์เชฟ เรียกได้ว่าเป็นการก้าวเข้าสู่วงการอาหารแบบเต็มตัว
ศาสตร์ของอาหารกับศาสตร์ของการรักษาคนไข้ มีอะไรที่สามารถไปด้วยกันได้
ตอนที่เราเรียนหมอ มันก็จะมีพาร์ทเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว ที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่ทำอาหารให้อร่อย เราจะรู้ถึงโภชนาการ และโภชนาการนี่มันก็จะมีสำหรับคนทั่วไป คนลดน้ำหนัก คนเพิ่มกล้ามเนื้อแล้วมันก็ยังมีสำหรับโรคต่าง ๆ ที่เราต้องเรียนด้วย ดังนั้นเราก็จะมีความเข้าใจ เกี่ยวกับความต้องการทางด้านโภชนาการของแต่ละบุคคล ซึ่งมันเฉพาะบุคคลจริง ๆ เราก็เอาความรู้ตรงนี้มีผนวกกับการทำอาหารที่เรารัก เพื่อสร้างเมนูให้ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เพราะเรารู้สึกว่าอาหารมันก็คือยาชนิดหนึ่งที่สามารถป้องกันโรคได้ สามารถรักษาโรคได้
การทำ EAT Matters คือส่วนที่มาช่วยเติมเต็มความฝันของการเป็นเชฟหรือเปล่า
ใช่ครับ อยากทำ YouTube Channel ก็เริ่มจากทำ Fanpage ก่อน ให้ความรู้เรื่องโภชนาการบางอย่างในทางการแพทย์ที่เข้าใจยาก เราก็เอามาย่อยให้มันเข้าใจได้ง่ายขึ้น
มีวิธีการคิดคอนเทนต์สำหรับมานำเสนอใน EAT Matters อย่างไร
ก็ดูตามกระแสด้วย ความที่เราอยู่ในวงการอาหารก็จะรู้ว่าช่วงนี้อะไรมาแรงแล้วก็จะเพิ่มความรู้เข้าไป อย่างมีช่วงหนึ่งชานมไข่มุกดัง เราก็นำเสนอว่าทำยังไงให้สามารถกินชานมไข่มุกทุกวันได้ ช่วงที่ไข่เค็มมาแรง เราก็มาดูว่าไข่เค็มมันมีประโยชน์อย่างไร มีข้อเสียอย่างไร ก็พยายามดูรายละเอียดของอาหารชนิดนั้นมากกว่าแค่เพราะมันอร่อย
มองอนาคตของ EAT Matters ไว้อย่างไรบ้าง
จริงจัง (ฮา) ยิ่งมาทำกับพี่ลัดกับพลอย ครอบคลุมคอนเทนต์ในวงกว้างมากขึ้น เราดูเรื่องเมนูสุขภาพ พี่ลัดดูเรื่องขนม พลอยดูเรื่องคนที่อยู่คอนโดจะสามารถสร้างสรรค์เมนูอะไรในพื้นที่และอุปกรณ์ที่จำกัดได้บ้าง พอรวมตัวสามคนคิดว่ามันไปได้ไกลมากกว่าเดิม
อาหารเพื่อสุขภาพปรุงอย่างไรให้อร่อยและกินง่าย
เป็นธรรมดาที่มีคนคิดว่าอาหารเพื่อสุขภาพจะจืดชืดและไม่อร่อย แต่จริงแล้วด้วยเทคโนโลยีในวงการอาหารมันไปไกลมาก ยกตัวอย่างสารให้ความหวานแทนน้ำตาลของสิบปีที่แล้วกับตอนนี้ต่างกันมาก สมัยก่อนรสหวานบาดคอ แต่ตอนนี้คือหวานธรรมชาติมาก หรือแม้กระทั้งรสชาติอื่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแทนเนื้อสัตว์ โดยมีการเอาโปรตีนจากพืชบางชนิดมาทำเป็นแฮมเบอเกอร์มังสวิรัติ ที่รสชาติเหมือนแฮมเบอเกอร์เนื้อ ซึ่งเรื่องพวกนี้มันคือนวัตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น เราอาจจะนำเครื่องปรุงรสใหม่ ๆ หรือวัตถุดิบทดแทนพวกนี้มาใช้แทนวัตถุดิบเดิม เพื่อลดไขมัน ลดความหวานลง เราก็จะได้อาหารเพื่อสุขภาพที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพไปในตัวด้วย
เมนูที่อยากแนะนำในช่วงนี้
โห ยากเลย แนะนำเมนูใหม่ที่ร้านเลยแล้วกัน (ฮา) เป็นเมนูเรียกความสดชื่น โดยเอายูสุมาผสมกับกาแฟ แล้วใช้ความหวานจากหญ้าหวาน ทำให้กินแล้วอร่อยสดชื่นเหมาะกับช่วงนี้
สุขภาพคนไทย มีอะไรที่เริ่มน่ากังวลบ้าง
จริงแล้วอาหารไทยเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพน่าจะที่สุดในโลกเลยนะ มีทั้งไขมันดี ผัก สมุนไพร แต่น่าจะมีการรับเอาวัฒนธรรมอื่นเข้ามา ทำให้มีการกินที่เปลี่ยนไปเหมือนฝรั่งมากขึ้น กินแป้งข้าวเยอะขึ้น กินไขมันเยอะ ทำให้มีสุขภาพแย่ลง และโดยส่วนใหญ่ที่ตรวจเจอคือ คนไทยจะติดหวานกับติดเค็ม ซึ่งมันทำให้เสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ หลายโรค ทั้งเบาหวานและโรคความดัน
เล่าเรื่องธุรกิจร้าน Atomic Pills ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนี้ดีเลยครับ หลังจากเจอวิกฤติโควิดเข้าไปก็เกือบแย่ไปเหมือนกัน (ฮา) ด้วยความที่เราทำร้านในสไตล์คาเฟ่ด้วย รายได้ส่วนใหญ่จึงเกิดจากว่าที่ลูกค้าเข้ามานั่งกินที่ร้าน พอเจอโควิดเข้าไปก็แย่พอสมควร แต่เราก็ต้องปรับตัว ตอนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่ที่ร้านอย่างเดียว แต่ที่โรงพยาบาลก็เคสน้อยลง มันทำให้เรามีเวลากลับมานั่งดูจุดดีจุดด้อยของตัวเองมากขึ้น ทำให้เราไปได้ และไปได้ดีกว่าตอนก่อนโควิดด้วย
ความสนุกของงานที่หมอตั้มทำ ทั้งเป็นหมอเป็นเชฟและทำธุรกิจ
อาชีพหมออยู่ด้วยกันมานานมา 8 - 9 ปีแล้ว รู้สึกมีคุณค่าในทุกวันที่ทำอาชีพนี้ และยิ่งได้มาเรียนเฉพาะทางตามที่เราอยากเรียนรู้ เราก็ยิ่งมีความสุข เรื่องอาหารก็เป็นแพชชั่น เราได้เติมเต็มความฝัน อยากให้ตัวเองเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนในพาร์ทธุรกิจจะใหม่นิดนึง จากที่เราเข้าใจว่าแค่ทำให้อร่อยก็พอแต่มันก็จะมีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย การทำอาหารอร่อยไม่ได้แปลว่าร้านเราจะรอด เราก็ต้องรู้จักการบริหารต้นทุน บริหารกำไร หรือแม้แต่เราได้เรื่องต้นทุนกำไรแล้ว เราจะทำยังไงให้คนรู้จักเรามากขึ้น เราก็ต้องไปเสริมด้านมาร์เก็ตติ้งอีก มันก็เป็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกสนุก
ถ้าให้เปรียบตัวเองกับรสชาติอาหารคิดว่าเป็นรสชาติไหน
มันก็ต้องครบรสครับ (ฮา) เพราะถ้าขาดรสชาติไหนไปมันก็จะไม่กลมกล่อมและมันก็จะไม่อร่อย