ได้เวลาวางรีโมท! เมื่อการดูกีฬาแบบเดิมเริ่มถูกท้าทายด้วย Disruptive Technology

ได้เวลาวางรีโมท! เมื่อการดูกีฬาแบบเดิมเริ่มถูกท้าทายด้วย Disruptive Technology

By Krungsri Plearn Plearn

การรับชมกีฬาถือเป็นหนึ่งความบันเทิงที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตสร้างความสนุกตื่นเต้นไม่เป็นรองความบันเทิงประเภทอื่น การได้ร่วมลุ้น ร่วมเชียร์เกมกีฬาจึงผูกพันและเติบโตมาพร้อม ๆ กับวัฒนธรรมทั่วทุกมุมโลก

ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้คอกีฬายังต้องเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์เพื่อรอชมแมตช์การแข่งขัน หลายคนอาจพอนึกออกทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดสดมวยสากลคู่สำคัญทำนองว่าแมตช์หยุดโลก วันนั้นโลกในกรุงเทพฯ เหมือนจะถูกหยุดเข้าจริง ๆ รถราบนถนนโล่ง ห้างสรรพสินค้าคนบางตาลงถนัดเพราะทุกคนเฝ้าหน้าจอทีวีอยู่กับบ้าน
แต่เมื่อเทคโนโลยีทำให้โลกหมุนเร็วขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ในยุคต่อมา ได้ทำให้ทุกคนย้ายความบันเทิงออกจากทีวีและจดจ่อกับจอส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนี้ส่งผลให้เกิดแพลตฟอร์มที่หลากหลายรองรับการชมกีฬานอกจอโทรทัศน์นับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ Disruptive Technology หรือการเข้าแทรกแซงด้วยเทคโนโลยี
เมื่อการดูกีฬาแบบเดิมเริ่มถูกท้าทายด้วย Disruptive Technology
เมื่อมีช่องทางที่ง่ายขึ้น ใกล้ตัวมากขึ้นพฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนได้ไม่ยาก จากเคยรับชมทางโทรทัศน์ เปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนในการชมกีฬาย้อนหลังหรือไฮไลต์หลังเกมการแข่งขันสิ้นสุดไปแล้ว ในเวลาต่อมาเมื่อมีแพลตฟอร์มที่สามารถ Live Streaming เทคโนโลยียุคใหม่นี้ก็นำผู้ชมเข้าสู่การแข่งขันแบบสด ๆ เหมือนการถ่ายทอดทางโทรทัศน์โดยที่ไม่ต้องแย่งรีโมทจากใคร แถมยังรับชมได้จากทุกที่ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ยกตัวอย่างกีฬาฟุตบอล กีฬาอันดับหนึ่งที่ผู้คนสนใจชมมากที่สุดของโลก หากวัดจากทัวร์นาเมนต์ระดับโลกอย่างฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2018 ที่ผ่านมามีคนสนใจเข้าร่วมชมเกมในสนามตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ (50 กว่าแมตช์) สูงถึงกว่า 3 ล้านคน ในขณะที่ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษอย่างพรีเมียร์ลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกนั้น แต่ละแมตช์การแข่งขันนั้นนอกจากมีแฟนบอลแน่นอัฒจันทร์แล้ว ผู้รับชมผ่านการถ่ายทอดสด (Broadcast) เฉลี่ยต่อเกมสูงถึงกว่า 12 ล้านคน โดยมีกลุ่มธุรกิจสื่อกีฬาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดผ่านการประมูลมาโดยตลอด เช่น FOX Sports หรือ BeIN Sports เป็นต้น
ในการประมูลครั้งล่าสุดนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ขยับจากการเผยแพร่แบบบรอดคาสต์มาสู่การสตรีมมิ่งซึ่งผู้เข้าร่วมประมูลอย่าง Facebook ได้รับสิทธิ์ในการสตรีมมิ่งการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ 2019 ต่อเนื่องไปถึง 2022 โดยจะมีการถ่ายทอดสดครบทุกแมตช์การแข่งขันเอาชนะคู่แข่งผู้ถือลิขสิทธิ์รายเดิมอย่าง BeIN Sports ด้วยราคา 200 ล้านปอนด์ โดยสิทธิ์ดังกล่าวนั้นเฟซบุ๊กจะสามารถถ่ายทอดสดในประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา และลาว
เมื่อการดูกีฬาแบบเดิมเริ่มถูกท้าทายด้วย Disruptive Technology
ทำให้การเปลี่ยนหน้าจอชมฟุตบอลครั้งนี้กำลังเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก เพราะประเทศในกลุ่มอาเซียนดังกล่าวนั้น นับเป็นประเทศที่มีความนิยมในกีฬาฟุตบอลสูงมากและยังใช้เฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มหลักในสื่อสังคมออนไลน์อีกด้วยขณะเดียวกันข้อมูลการสำรวจจาก Global Web Index ยังเผยถึงจำนวนผู้ชมกีฬาผ่านโซเชียลมีเดียของไทยและเวียดนามในไตรมาสแรกปี 2018 เติบโตขึ้นถึง 25% จากไตรมาสสุดท้ายปี 2017
ย้อนกลับไปยังปี 2015 ช่วงที่เฟซบุ๊กเริ่มให้ความสำคัญกับคอนเทนต์วิดีโอบนแพลตฟอร์มเพิ่มเติมขึ้นจากคอนเทนต์ภาพนิ่งที่เคยมีอยู่เดิม ขยายวงของกลุ่มผู้ผลิตคอนเทนต์ให้มีเครื่องมือที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นสำหรับเสิร์ฟคอนเทนต์เข้าสู่เฟซบุ๊กเมื่อ Device ของทุกคนมีประสิทธิภาพมากขึ้น กลุ่ม Provider ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตก็พัฒนามากขึ้น ทำให้ทุกคนสามารถเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ได้เหมือนกันหมดขอแค่มีไอเดีย ในเวลาต่อมาฟังก์ชั่น Live streaming ก็ถูกพัฒนาขึ้นจนสามารถไลฟ์วิดีโอให้กลุ่มเพื่อนในเครือข่ายออนไลน์ได้ชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ในทันที
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเฟซบุ๊กจึงนับเป็น Disruptive Technology อย่างหนึ่งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในการรับชมกีฬาอย่างมาก จากเดิมเรามักจับกลุ่มร่วมเชียร์ทีมโปรดกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานผ่านหน้าจอทีวีแต่ในปัจจุบันนี้เมื่อเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจนทำให้พฤติกรรมการเสพความบันเทิงของคนเราเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยในที่สุด
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา