5 หนังสร้างแรงบันดาลใจ ที่จะมาจุดไฟความสำเร็จ

5 หนังสร้างแรงบันดาลใจ ที่จะมาจุดไฟความสำเร็จ

By Krungsri Plearn Plearn
ผ่านต้นปีมาหมาด ๆ เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มต้นวางแผนอนาคตและหาพลังใจเพื่อเติมไฟให้ตนเอง โดยเฉพาะใครที่อยากหาแรงผลักดันดี ๆ ให้กับชีวิต วันนี้ผมมีภาพยนตร์ 5 เรื่องที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกมาแนะนำ รับรองว่าเมื่อดูจบแล้ว คุณจะได้รับแรงบันดาลใจปลุกไฟ ปลุกความกระปรี้กระเปร่าอยากจะประสบความสำเร็จแบบเหล่าคนดังบ้างแน่นอน
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.macthai.com

1. Steve Jobs (2015): การปฏิวัติที่สะเทือนวงการเทคโนโลยี

เรื่องราวความสำเร็จของสตีฟ จอบส์ ที่สามารถปฏิวัติวงการเทคโนโลยีดิจิทัลของโลกได้ โดยหนังจะแบ่งเป็น 3 ช่วงคือ การเปิดตัว Macintosh, NeXTcube และ iMac หนังได้ถ่ายทอดความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ในการบริหารที่น่าศึกษาเป็นแบบอย่างของสตีฟ จอบส์ เช่น การบริหารองค์กร การคิดนอกกรอบ และการมุ่งมั่นในไอเดียของตัวเอง เช่น ตอนที่จอบส์มีความคิดเห็นไม่ตรงกับเพื่อนเรื่องการพัฒนาคอมพิวเตอร์รุ่นหนึ่ง ซึ่งเพื่อนของเขาไม่เชื่อว่ามันสามารถพัฒนาได้ แต่จอบส์กลับเชื่อมั่นและพัฒนามันออกมาจนสำเร็จ
ทั้งนี้ยังมีการสอดแทรกเรื่องครอบครัวของสตีฟ จอบส์ ที่หยิบยกขึ้นมาขยายเป็นดราม่าตอนท้ายเรื่อง แสดงให้เห็นว่าแม้เขาจะเป็นผู้บริหารที่เก่งเพียงใด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนเพอร์เฟคและมีปัญหาในชีวิตเหมือนกับคนอื่น ๆ โดยเฉพาะปัญหาชีวิตครอบครัว และยังเป็นหนังดีจนได้รับรางวัลลูกโลกทองคำถึง 2 รายการอีกด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก http://secretmagicland.blogspot.com

2. The social network (2010): ความสำเร็จเริ่มจากความบ้า กล้าเสี่ยง

จุดเริ่มต้นของความสำเร็จของมาร์คเริ่มจากขณะนั้นเป็นนักศึกษาปี 2 ของมหาลัยวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่หลังจากเลิกรากับแฟนสาว เขาก็โกรธจนอยากจะแกล้งเธอ เลยผุดไอเดียในการสร้างเว็บไซต์ให้บรรดาหนุ่ม ๆ ในมหาวิทยาลัยโหวตสาวฮอตชื่อว่า Facemash.com โดยมีเพื่อน ๆ ในห้องพักร่วมด้วย และได้ผลตอบรับเกินคาดจนเว็บล่ม ต่อมาเขาก็เริ่มจริงจังกับการสร้างเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า The Facebook โดยเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่สำหรับนักศึกษาในฮาร์วาร์ด ไม่นานเว็บไซต์ของเขาก็ได้รับความนิยม ซึ่งก็ทำให้มาร์คเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย วันหนึ่งเจ้าของ Paypal ก็ร่วมลงทุนกับ The Facebook ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Facebook ที่มีเครือข่ายผู้ใช้ทั่วโลกในตอนนี้
หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่ากว่าจะเป็น Facebook ที่โด่งดังอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านปัญหาและอุปสรรคมามากมาย เช่น ตอนที่มาร์คต้องสูญเสียเพื่อนคนเดียวของเขาไปเนื่องจากมีความคิดเห็นในการพัฒนาเว็บไซต์ไม่ตรงกัน แต่เขาก็ไม่ล้มเลิก และยังคงมุ่งมั่นและไม่หยุดพัฒนาเว็บไซต์ จนในที่สุดมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็สามารถทำให้ Facebook สามารถใช้งานได้จริงและเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายได้
ขอบคุณรูปภาพจาก https://movie.mthai.com

3. The Founder (2016): เซลล์แมนเจ้าของฟาสต์ฟู้ดระดับโลก

The Founder ว่าด้วยเรื่องราวของเรย์ คร็อก เซลล์แมนที่ได้รู้จัก 'ดิ๊ก' และ 'แม็ค' สองพี่น้องผู้ก่อตั้งร้านอาหารจานด่วนชื่อ ‘แมคโดนัลด์’ ซึ่งเรย์ คร็อกมองเห็นโอกาสจากร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งนี้เลยขอซื้อแฟรนไชส์ ถือเป็นธุรกิจพลิกตลาดแฮมเบอร์เกอร์ในเวลานั้นเลย แต่ด้วยสัญญาที่เขาเสียเปรียบมาก เขาจึงต้องหาทางดิ้นให้หลุดเพื่อจะได้เป็นเจ้าของธุรกิจแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนั้นเรย์ คร็อก ก็พยายามไต่เต้าและพัฒนาธุรกิจแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกแบบที่เรารู้จักจนทุกวันนี้
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากให้ธุรกิจของตัวเองไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ หนังเรื่องนี้เหมาะมาก ๆ เพราะหนังทำให้เราได้เห็นแนวคิด กระบวนการทำงาน และการสร้างแบรนด์ให้มีชื่อระดับโลก รวมทั้งถ่ายทอดความทะเยอทะยานและการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นผ่านตัวละครออกมาได้ดีอีกด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/

4. The Pursuit of Happiness (2006): ความลำบากคือแรงผลักดัน ล้มแล้วลุกให้ไว

เรื่องราวของมหาเศรษฐีผิวสีชาวอเมริกันที่ถ่ายทอดออกสู่สายตาผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจและกวาดรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท จากทั่วโลก โดยตัวละครคริส การ์ดเนอร์ นำแสดงโดยนักแสดงชายมากฝีมืออย่าง วิลล์ สมิธ เนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตที่ตกต่ำถึงขีดสุดของ คริส การ์ดเนอร์ ที่มีสถานะเป็นพ่อหม้ายแถมยังมีลูกชายคนหนึ่งที่ต้องเลี้ยงดู ในหนังมีช่วงเวลากว่า 1 ปี ที่เขาและลูกต้องกลายเป็นคนไร้บ้านและต้องไปนอนตามที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น บ้านพักสาธารณะ ที่ทำงาน แม้กระทั่งห้องน้ำรถไฟใต้ดิน ซึ่งฉากที่คริส การ์ดเนอร์ พาลูกไปนอนที่ห้องน้ำรถไฟใต้ดินและสร้างโลกจินตนาการขึ้นมาเพื่อปลอบประโลมตัวเขาเองและลูกให้ลืมความลำบากที่เกิดขึ้นตอนนั้น เป็นฉากที่ซึ้งกินใจและเรียกน้ำตาคนดูได้ไม่น้อย ทั้งยังเป็นหนึ่งในฉากที่ทำให้คริส การ์ดเนอร์ ไม่ละความพยายามที่จะประสบความสำเร็จและทำให้ความเป็นอยู่ของเขาและลูกดีขึ้นกว่าเดิม
ด้วยทัศนคติและความเพียรพยายามที่ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต ทำให้เขาต่อสู้ ฝ่าฟัน และหลังจากผ่านการล้มลุกคลุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเขาก็ผลักดันตัวเองจนเป็นนายหน้าค้าหุ้นและเศรษฐีเงินล้านได้สำเร็จ ถือเป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจได้อีกเรื่องหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างหนักของผู้ชายที่ต้องการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และหนังยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่เป็นแรงผลักดันหลักในการฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ อีกด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.metalbridges.com/ford-v-ferrari-2019/

5. Ford v Ferrari (2019): ตำนานรถสปอร์ต ที่โลกต้องจารึก

ตำนานของรถสปอร์ตที่เล่าเรื่อง 2 ยานยนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก จากผู้กำกับเจมส์ แมนโกลด์ ที่ถ่ายทอดเรื่องจริงของเฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ โดยได้ 2 นักแสดงหนุ่มมากฝีมืออย่าง แมต เดมอน มารับบท แคร์รอล เชลบี้ นักออกแบบรถของฟอร์ด และ คริสเตียน เบล รับบท เคน ไมลส์ วิศวกรและนักขับรถซิ่งชาวอังกฤษ เรื่องราวสุดเข้มข้นเริ่มขึ้นจากตัวเฮนรี่ ฟอร์ด ที่ต้องการช่วงชิงความเป็นที่หนึ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์อย่างเฟอร์รารี่ (Ferrari) ในการแข่งขันรถซิ่งระดับโลก ฉากที่น่าตื่นเต้นและถือเป็นฉากในตำนานที่ตรึงใจคนดูที่สุดก็เห็นจะเป็นตอนที่เคน ไมลส์ ขับรถของฟอร์ดแซงเฟอร์รารี่ได้ในการแข่งขัน เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง ปี 1966 เพราะเพียงฉากเดียวก็สะท้อนให้เห็นทั้งความพยายามและความทุ่มเททั้งหมดที่แคร์รอล เชลบี้ และ เคน ไมลส์ ร่วมกันทำและฟันฝ่ามา
ถ้าใครคิดว่านี่คือหนังแข่งรถธรรมดา ขอบอกว่าคิดผิดครับ เพราะหนังสอดแทรกเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อความฝัน จนกลายเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่โลกต้องจดจำ และแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อนและการมีทีมเวิร์ค ทำให้ความสำเร็จนั้นน่าตื้นตันมากยิ่งขึ้นไปอีก
เพียงแค่ลงมือทำ เป้าหมายที่คุณคาดหวังก็มีโอกาสสำเร็จเกินกว่าครึ่งแล้ว ดูหนังจบแล้วก็ลองนำแรงบันดาลใจและแนวคิดไปปรับใช้กัน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหมายนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา