“ป๊า ม๊า เสาร์-อาทิตย์นี้ไปไหนดี” วลีเด็ดที่คนเป็นพ่อแม่เท่านั้นที่เข้าใจ แต่บนความเข้าใจนี้ มันซ่อนความเครียดเล็กอยู่ในใจ เพราะลึก ๆ พ่อแม่ทุกคนก็อยากจะหาสถานที่ที่สามารถพาลูกออกไปทำกิจกรรมได้ที่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า หรือสวนสัตว์ที่ไปมาแล้วเจ็ดแปดรอบ เรียกว่าลูกแทบจะรู้จักยีราฟทุกตัว หรือฝูงม้าลายที่มีอยู่ 5 ตัว เหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องการหากิจกรรมวันหยุดให้ลูกเพื่อให้เขาได้มีพัฒนาการที่ดีตามวัย บอกเลยว่าไม่ง่าย
จริง ๆ แล้วสิ่งที่เด็กต้องการอาจจะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ กับคุณพ่อคุณแม่หรือกับพี่น้องและเพื่อน ๆ แค่การได้วิ่งเล่นในพื้นที่กว้าง ๆ ได้ปีนป่าย กระโดดโลดเต้น ก็สนุกมากแล้ว ดังนั้น การทำกิจกรรม outdoor อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ เพราะนอกจากได้ความสนุก ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยเพิ่มพัฒนาการทางอารมณ์ (EQ) ได้ด้วย เพราะการที่เด็กได้หัวเราะ ได้พูดคุยสร้างจินตนาการกับเด็กคนอื่น ๆ จะทำให้เด็กรู้สึกมีอิสระ เกิดประสบการณ์แปลกใหม่ ช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ได้ดี และส่วนที่ดีที่สุดของการออกไปทำกิจกรรมกับลูกนั้น คือ การกระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัวอันดีเยี่ยม อ่านมาถึงตรงนี้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านคงอยากทราบว่า นอกจากห้างสรรพสินค้าที่คุ้นเคย หรือสวนสัตว์ที่ไปมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว มีสถานที่ไหนบ้างที่สามารถพาลูกของเราไปทำกิจกรรมใหม่ ๆ บ้าง ทั้งในกรุงเทพฯ และที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ
ตัวอย่างสถานที่สำหรับทำกิจกรรม outdoor ในกรุงเทพฯ ได้แก่
Moori Moori Playground: ซอยนวลจันทร์ กรุงเทพฯ
https://www.facebook.com/MooriMooriPlayfarm/
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 200 – 1,500 บาท ต่อครอบครัว
- ที่นี่สอนให้เด็กน้อยได้เรียนรู้วิถีชีวิตของเกษตรกรพร้อมได้เริ่มลงมือทำ เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้กลายเป็นชาวนาตัวน้อย ทดลองปลูกข้าว ดำนา ป้อนอาหารควาย เก็บไข่สด ๆ จากแม่ไก่อารมณ์ดี เลี้ยงเป็ดในบึง รวมถึงลองปั้นโคลนเล่นดู เพื่อให้เด็กเข้าใจว่าอาหารที่ทานกันนั้นมาจากไหนอย่างไร
- นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ได้ลงมือทำอาหารเอง เช่น พิซซ่า ข้าวไข่เจียว โดนัท อย่างสนุกสนาน ซึ่งบ้านไหนที่ลูก ๆ ทานอาหารยาก รับรองว่าเด็ก ๆ จะเจริญอาหารขึ้นมาทันที
- เปิดรับน้อง ๆ ตั้งแต่อายุ 2 ขวบขึ้นไป และสำหรับในยุคโควิดแบบนี้ ที่นี่เค้ามีมาตราการ Social distancing โดยจำกัดจำนวนเด็กที่เข้าทำกิจกรรมในแต่ละรอบ และมีการรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี
Get Growing Community Farm: บางกระเจ้า
https://www.facebook.com/getgrowingcommunityfarm
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: ค่าร่วมกิจกรรมเริ่มต้นที่ 50 - 500 บาท ต่อครอบครัว
- สนามเด็กเล่นและฟาร์มขนาด 6 ไร่ย่านบางกะเจ้า ซึ่งนอกจากจะเป็นเสมือนโอเอซิสให้เด็ก ๆ ได้พบเจอกับธรรมชาติ ได้เรียนรู้พืชพันธุ์แต่ละชนิด และยังสามารถทดลองปลูกผักได้เอง โดยเสียค่าเช่าพื้นที่ในราคา 80 บาทต่อเดือนต่อตารางเมตร เมื่อปลูกผักแล้ว เด็ก ๆ สามารถเข้ามาดูแลการเติบโตของผักที่ปลูกไว้ ซึ่งจะมีทีมงานคอยช่วยดูแลรดน้ำให้อยู่ตลอด
- ฟาร์มสัตว์ให้เด็ก ๆ ได้สวมบทบาทชาวไร่ในการให้อาหารสัตว์ที่ชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิด
- สำหรับเด็ก ๆ สาย adventure ที่นี่ก็มีการจัดกิจกรรมเครื่องเล่นให้เด็กได้บุกตะลุยผ่านด่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตะลุยบ่อโคลน ป้อมปราการบ้านต้นไม้ ซิปไลน์ ปีนเชือก ล่องแพในบ่อน้ำ เพื่อให้เด็กได้เสริมสร้างจินตนาการ ความมั่นใจได้แบบสุด ๆ ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่สามารถร่วมตะลุยด่านไปพร้อมกับลูก ๆ ได้ด้วย ถือว่าเป็นสถานที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างดีเลยทีเดียว
การทำกิจกรรม outdoor การเตรียมสัมภาระมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสำรอง กล้องถ่ายรูป และสิ่งที่สำคัญคือกระเป๋าสตางค์ ที่จะต้องเตรียมสำหรับใช้จ่ายค่ากิจกรรม ซื้อขนม อาหาร ต่าง ๆ แต่ก็ต้องมาระวังกระเป๋าเงินจะหล่นหายเวลาทำกิจกรรม ทำชีวิตง่ายขึ้นได้สำหรับสังคมไร้เงินสดในยุคปัจจุบันนี้ เพราะคุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจะไม่ได้คิดถึงว่าการพกเงินสดออกไปทำกิจกรรมอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป เพียงแค่มี
KMA – Krungsri Mobile App แอปเดียวที่ให้เรื่องการใช้จ่ายของคุณง่าย และสะดวกขึ้น
ทีนี้ เรามาลองดูสถานที่ทำกิจกรรมอื่นในต่างจังหวัดกัน ว่ามีที่ไหนบ้าง
เกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
http://www.tis-museum.org/
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 400 – 3,000 บาท ต่อครอบครัว
จุดแรก ก่อนลงเรือ แวะกันที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงด้านธรณีวิทยา พฤกษศาสตร์สัตว์ศาสตร์ทางทะเลแห่งแรกในประเทศไทย
- ขึ้นเรือมุ่งหน้าสู่เกาะแสมสารเพื่อเปิดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ พร้อมทำกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการ Snorkeling ผจญภัยในโลกใต้น้ำ แหวกว่ายส่องดูปะการังและฝูงปลาหลากชนิดด้วยตัวเอง รับรองว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่จนเด็ก ๆ ต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียว หรือถ้าครอบครัวไหนไม่สะดวกดำน้ำ เค้าก็มีเรือท้องกระจกให้นั่งชมปะการังได้เพลิน ๆ แบบตัวไม่เปียกกันเลย หรือจะพายเรือคายัคชมวิวรอบเกาะก็มีบริการอยู่ หลังจากลงน้ำแล้ว ก็ยังสามารถเดินชมธรรมชาติที่สมบูรณ์ของเกาะ หรือจะนั่งชิลล์ที่หาดทรายขาว เล่นก่อปราสาททรายกันให้สนุกก็ได้
- สามารถเดินทางไปวันเสาร์ อาทิตย์ได้ ไม่ต้องรอวันหยุดยาว
มองช้างคาเฟ่: พัทยา จ.ชลบุรี
https://www.facebook.com/Mongchangcafe/
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: เข้าฟรี กิจกรรมเริ่มต้นที่ 200 – 1,500 บาท ต่อครอบครัว
ใครที่ไปเกาะแสมสาร แล้วขากลับก็สามารถแวะที่ มองช้างคาเฟ่ จุดเช็คอินแห่งใหม่ของเมืองพัทยา ซึ่งไฮไลท์เด็ดสำหรับเด็ก ๆ คือกิจกรรมให้อาหารช้าง ขี่ช้างชมธรรมชาติ ลุยน้ำ เข้าป่าหรืออาบน้ำให้น้องช้างได้ด้วย รวมถึงได้ถ่ายรูปในมุมสวย ๆ แบบใกล้ชิดช้างและธรรมชาติสุด ๆ
- นอกจากนี้ ยังมีคาเฟ่ให้นั่งทานอาหารไปพร้อม ๆ กับการมองดูช้างได้อย่างชัดเจน รวมทั้ง Mini zoo ที่มีสัตว์อื่น ๆ ให้เราได้ดูความน่ารัก ทั้งเจ้าไก่ซิลกี้ แพะ แกะ เป็ด ควายเผือก กวางดาว เมียร์แคช ที่สำคัญสัตว์ทุกตัวที่นี่สะอาดและสุขภาพดี
- การมาเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมที่มองช้างคาเฟ่ ยังถือเป็นการช่วยเหลือน้องช้างและควาญช้างให้มีอาชีพและมีรายได้ โดยไม่ต้องไปเร่ร่อนที่ไหนเพราะเค้าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติจริง ๆ ที่นี่ด้วยค่ะ
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่
https://www.facebook.com/chiangmainightsafarifanclub
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: เข้าฟรี กิจกรรมเริ่มต้นที่ 350 – 1,500 บาท ต่อครอบครัว
เดินทางจากรุงเทพออกไปไกลสักหน่อยแต่รับรองว่าสนุกแน่นอน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่การไปสวนสัตว์ธรรมดา ๆ แต่เปลี่ยนเป็นพาเด็ก ๆนั่งชมสัตว์ตอนกลางคืนหรือที่เรียกว่า Night Safari ซึ่งน่าจะสร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อย
- บ้านไหนไม่ชอบแดดคงจะชอบกิจกรรมนี้มาก ๆ แน่นอน เพราะกิจกรรมนี้จะเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 18.30 – 22.00 น. ไม่ต้องกลัวว่าจะรอนานเพราะรถออกทุก ๆ 30 นาที
- โดยจะแบ่งเป็น 2 โซน คือ 1. Savanna Safari เป็นโซนแรกจะสัมผัสกับสัตว์อย่างใกล้ชิด เช่น ยีราฟ ม้าลาย จิงโจ้แดง ฯลฯ 2. Predator Prowl ซึ่งจะได้สัมผัสกับสัตว์นักล่า เสือโคร่งขาว, สิงโต ไอยีน่าลายจุด ฯลฯ
- ซึ่งทั้งสองโซน ใช้เวลาในการนั่งชมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
การออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งนั้น นอกจากสามารถเพิ่มความสนุกสุดเหวี่ยง เพิ่มความกล้า และส่งเสริมการตัดสินใจการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ลูก ๆ แล้วนั้น สิ่งที่ไม่ขาดไม่ได้คือ การสอนให้เด็ก ๆ คำนึงถึงหลักความปลอดภัยในสถานการณ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย และสิ่งสำคัญสำหรับพ่อแม่ที่รักกิจกรรม outdoor กับลูก ๆ คือการเตรียมตัวเรื่องของประกันอุบัติเหตุ มีไว้สบายใจกว่า ไม่มีใครอยากใช้แต่ถ้าเกิดสิ่งที่เราไม่คาดฝันก็ถือว่ามีคนมารับภาระเรื่องนี้แทนเรา ประกันอุบัติเหตุในปัจจุบันนี้เบี้ยไม่แพง อาทิ
กรุงศรีประกันอุบัติเหตุตามใจ ที่ค่าเบี้ยประกันไม่ถึง 7 บาทต่อวัน แต่คุ้มครองอุบัติเหตุทั่วไปสูงสุดถึง 1 ล้านบาท และยังช่วยค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ สูงสุด 1 แสนบาทต่อครั้ง แถมไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อเข้ารักษารพ.ในเครือข่าย ใครสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือซื้อประกันได้ที่ ธ.กรุงศรี ทุกสาขา
ความสุขในครอบครัวคือสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวัน แต่บางสิ่งที่เราอาจคาดไม่ถึงถ้ามีอะไรรองรับไว้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว ถ้าทุกอย่างพร้อม ปลุกพลังความเป็นพ่อแม่ แล้วออกตะลุยทำกิจกรรมกันเลยดีกว่า
บทความโดย ปริตา ธิติปรีชาพล
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา