รู้ก่อนใคร BODY HACK! คนญี่ปุ่นใส่ใจในสุขภาพมากขึ้นในทุก ๆ มิติ

รู้ก่อนใคร BODY HACK! คนญี่ปุ่นใส่ใจในสุขภาพมากขึ้นในทุก ๆ มิติ

By Japan salaryman
ในแวดวงธุรกิจเรามักจะได้ยินคำว่า “ปลาใหญ่มักจะกินปลาเล็ก” ซึ่งหมายความว่า ใครทุนหนากว่า ลงทุนได้มากกว่า จะมีโอกาสการขาย หรือได้เปรียบกว่าปลาเล็กที่มีทุนต่ำกว่าเสมอ แต่เมื่อสภาวะธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบปัจจุบัน เรามักจะได้ยินคำอีกคำหนึ่งมากขึ้นคือ “ปลาเร็วกินปลาใหญ่” หรือ “ปลาเร็วกินปลาช้า” ซึ่งเป็นยุคที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องมีทุนหนาก็ได้ ขอเพียงแค่เปิดรับข้อมูลข่าวสารให้เร็วมากขึ้น รู้ก่อน ทำก่อน มีโอกาสมากกว่าเดิมเยอะ

การติดตามเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่นักวิเคราะห์ หรือนักการตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เรากลายเป็น “ปลาเร็ว” ที่จะเอาชนะได้ทั้ง “ปลาใหญ่” และ “ปลาช้า” ได้ ในบทความนี้จึงอยากเอาข้อมูล insight ที่นักการตลาดญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า เรื่องสุขภาพจะเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษในปี 2023 พร้อมเอาสินค้าและบริการใหม่ที่กำลังเริ่มเป็นที่พูดถึงในปัจจุบันมาเล่าให้อ่านกัน
ปี 2023 วงการดูแลสุขภาพญี่ปุ่นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ในปี 2023 วงการดูแลสุขภาพญี่ปุ่นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

นักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ และนักการตลาดญี่ปุ่นแทบทุกแขนงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจนี้ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น
  • สถาบันทางการแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเอาจริงเอาจังเรื่อง Digital Transformation (DX) คือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานแทบทุกส่วนงาน
  • บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (กลุ่มบริษัท GAFA คือ Google, Apple, Facebook, Amazon) จะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว
  • คลินิกเอกชนอาจขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น
  • อุตสาหกรรม Wearable Devices (อุปกรณ์สวมใส่ไฮเทคที่ใช้ตรวจเช็กด้านสุขภาพ) จะใหญ่ขึ้น
  • หุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในการผ่าตัดมากขึ้น
  • Telemedicine (บริการการแพทย์ทางไกล) จะได้รับความนิยมมากขึ้น
  • มีการพัฒนา Nanobot (หุ่นยนจิ๋ว) รักษาโรคให้ใช้งานได้จริง
  • เทรนด์ Digital Hospital และการวิเคราะห์โรคผ่านเทคโนโลยี AI จะพัฒนารวดเร็วขึ้น
  • เวชศาสตร์การป้องกัน (Preventive Medicine) เช่น การฉีดวัคซีนจะกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ฯลฯ

ธุรกิจญี่ปุ่นในปี 2023 จะพยายามมุ่งเน้นเรื่องสุขภาพร่างกาย ช่วยให้ลูกค้าสุขภาพดีขึ้น ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น

1. Chocozap ธุรกิจยิมออกกำลังกายที่เข้าไปใช้งานง่ายเหมือนกำลังไปร้านสะดวกซื้อ

Chocozap ธุรกิจยิมออกกำลังกาย
photo credit: ธุรกิจ chocoZAP
https://chocozap.jp/
ธุรกิจ Chocozap เรียกบริการอันนี้ว่า コンビニジム (Convenient Gym) ซึ่งให้บริการตลอด 365 วัน 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด เมื่อลูกค้าจ่ายค่าบริการรายเดือน 2,980 เยน (3,278 เยนรวมภาษี) จะสามารถเข้าไปใช้บริการได้ทุกสาขาที่ Chocozap เปิดให้บริการ ไม่ต้องเปลี่ยนชุดออกกำลังกายให้เสียเวลา สามารถออกกำลังกายได้ภายใน 5 นาทีหลังจากก้าวผ่านประตูเข้าไป

Chocozap เป็นธุรกิจที่พัฒนามาจาก Rizap ธุรกิจออกกำลังกายเพื่อให้ได้หุ่นในฝันที่เคยเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ในญี่ปุ่น โดยเค้ามองว่า การสร้างนิสัยในการออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญ จึงตั้งใจสร้างสถานที่ออกกำลังกายให้อยู่ใกล้บ้านของทุกคน และง่ายต่อการเข้าไปใช้บริการ มีเวลาเพียงแค่นิดหน่อย แค่ 5 นาทีก็สามารถออกกำลังกายได้ โดย Chocozap กำลังขยายธุรกิจโดยมีเป้าหมายจะเปิดสาขาให้ครบ 300 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นภายในเดือนมีนาคม 2023

นอกจากเครื่องออกกำลังกายที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับสรีระและวิธีการออกกำลังกายของคนญี่ปุ่นที่เตรียมพร้อมไว้ให้แล้ว ยังมีแอปพลิเคชันเฉพาะที่เอาไว้ใช้กดดูวิธีการออกกำลังกายที่ได้ผล (รวบรวมจากข้อมูลลูกค้า 180,000 คน) ซึ่งสอนโดยเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ แล้วยังมีให้บริการอุปกรณ์ทำสปาบางอย่างเตรียมเอาไว้ให้ลูกค้าใช้บริการตัวเองได้ด้วย เรียกได้ว่า ครบเครื่องทุกอย่างสำหรับคนอยากออกกำลังกายเลยครับ

2. Electric Salt ภาชนะทานข้าวที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มรสชาติเค็ม 1.5 เท่า แม้ลดทานเค็มเพื่อดูแลสุขภาพ ก็ยังรู้สึกถึงความเค็มได้ตามความต้องการ

Electric Salt ภาชนะทานข้าวที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มรสชาติเค็ม
photo credit: อุปกรณ์ทานข้าวที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงรสเค็มมากขึ้น 1.5 เท่า ด้วยพลังงานไฟฟ้า
https://japan.cnet.com
ในปี 2019 บริษัท Kirin Holdings ร่วมมือกับห้องวิจัยของ Prof.Homei Miyashita แห่งมหาวิทยาลัยเมจิ ในการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้บริโภคที่กำลังลดทานอาหารรสชาติเค็ม สามารถรับรู้ได้ถึงความเค็มได้ตามปรารถนา โดยใช้วิธีการไหลเวียนกระแสไฟฟ้าจำนวนน้อยที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ลงไปในภาชนะต่าง ๆ เช่น ช้อน หรือชาม ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกความเค็มมากขึ้นจากการทานอาหารได้ถึง 1.5 เท่าตัว ซึ่งเป็นประโยชน์มากต่อผู้บริโภคที่ต้องลดทานเค็ม แต่ยังอยากรับรู้ความเค็มในอัตราปกติตามที่ต้องการ โดยในปี 2023 จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกสู่ตลาด
รูปแบบการไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าภาชนะทานข้าวที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มรสชาติเค็ม
photo credit: รูปแบบการไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าระหว่างการใช้งานอุปกรณ์
https://japan.cnet.com

3. Newtrish เทคโนโลยีวิเคราะห์สุขภาพโดย AI ที่จะเข้ามาช่วยกำหนดข้อมูลสารอาหารจำเป็นสำหรับคุณในตอนนี้

Newtrish เป็นแอปพลิเคชันที่กำลังจะวางขายในเดือนมกราคม ปี 2023 โดยจะเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพลูกค้าจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ลูกค้าใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เช่น Fitbit, OMRON connect ฯลฯ แล้วจึงนำมาวิเคราะห์ผ่านเทคโนโลยี AI เพื่อให้ได้ข้อมูลสารอาหารที่เหมาะสมในการแนะนำผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน โดยมีคอนเซ็ปต์การทำงานดังนี้
Newtrish เทคโนโลยีวิเคราะห์สุขภาพโดย AI
photo credit: คอนเซปต์การทำงานของ Newtrish;
https://prtimes.jp
  1. ผู้ใช้งานทำการลงรายละเอียดเป้าหมายทางสุขภาพในเชิงตัวเลข
  2. แอปพลิเคชันจะเก็บข้อมูลการทานอาหาร และข้อมูลร่างกายในแต่ละวัน
  3. ระบบจะใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์สุขภาพโดย AI (มีการรับรองสิทธิบัตรเรียบร้อย) และแนะนำสารอาหารที่เหมาะสม (เราเรียกว่า “มื้ออาหาร AI” )
  4. เมื่อทาน “มื้ออาหาร AI” ตามที่แอปพลิเคชันแนะนำ ก็จะเข้าใกล้เป้าหมายทางสุขภาพที่ได้บันทึกไว้ตั้งแต่ต้น โดยเทคโนโลยี AI จะคอยปรับคำแนะนำ “มื้ออาหาร AI” ระหว่างที่เราบันทึกความเปลี่ยนแปลงของร่างกายด้วย
เทคโนโลยี AI ในการแนะนำ “มื้ออาหาร AI”
photo credit: โฆษณาเปิดตัวแอปพลิเคชัน NEWTRISH ของบริษัท Wellnas;
https://wellnas.biz
บริษัท Wellnas เจ้าของแอปพลิเคชัน NEWTRISH ประกาศเอาไว้ว่า นี่คือครั้งแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการแนะนำ “มื้ออาหาร AI” ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากในวงการการดูแลสุขภาพในประเทศญี่ปุ่น ต้องคอยติดตามดูความเคลื่อนไหวอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้าว่าจะเปลี่ยนโฉมวงการดูแลสุขภาพในญี่ปุ่นได้มากแค่ไหน ผมเองก็ตื่นเต้นไม่ไหวรู้สึกอยากทดลองใช้ดูบ้างครับ
เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน จะเห็นได้ว่าเทรนด์สุขภาพเป็นเทรนด์ที่ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ความสนใจมากในปัจจุบัน ทางภาครัฐพยายามออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย ส่วนภาคเอกชนก็มุ่งพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อออกมาตอบโจทย์ความต้องการ “ความอยากมีสุขภาพดี” ของทุกคน เท่าที่ผมสังเกตเห็นผมรู้สึกว่าในญี่ปุ่นเองมีการวางแผนเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างละเอียด และคิดว่าประเทศญี่ปุ่นจะสร้างสินค้าและบริการที่เป็นนวัตกรรมการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมามากมายในอนาคต (อาจจะเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่นเลยก็ได้) ซึ่งสิ่งเหล่านั้นอาจจะถูกนำเข้ามาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยในอนาคตภายหน้าได้เช่นกัน เทรนด์นี้ยังคงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จับตาดูกันให้ดีนะครับ
Reference:
  1. คาดการณ์เทรนด์ใหม่ อะไรจะฮิตบ้างในปี 2023 โดย NIKKEI XTREND;
    https://xtrend.nikkei.com/
  2. อนาคตธุรกิจการรักษา และการดูแลสุขภาพ 2023-2032 โดย NIKKEI Business Publications
    https://project.nikkeibp.co.jp/
  3. เว็บไซต์ทางการของ chocoZAP;
    https://chocozap.jp/
  4. ข่าวประชาสัมพันธ์ Electric Salt
    https://ascii.jp/
  5. เว็บไซต์ทางการของ NEWTRISH;
    https://wellnas.biz
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา