ตอบคำถามคาใจเงินเดือน 30,000 ซื้อบ้านได้ไหม?
รอบรู้เรื่องบ้าน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ตอบคำถามคาใจเงินเดือน 30,000 ซื้อบ้านได้ไหม?

icon-access-time Posted On 20 ธันวาคม 2560
by Krungsri The COACH
ผ่อนบ้านเบาๆสบายกระเป๋ามนุษย์เงินเดือนผ่อนบ้านเบาๆสบายกระเป๋ามนุษย์เงินเดือน

เราเชื่อว่าหลายคนคงจะเคยตั้งคำถามกันว่าถ้าเงินเดือน 30,000 ซื้อบ้านได้ไหม? ต้องขอเฉลยกันตรงนี้ก่อนเลยว่าได้ เพราะเดี๋ยวนี้การเป็นเจ้าของบ้านสักหลังหนึ่ง ไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไปหากเรามีการวางแผนล่วงหน้าเป็นอย่างดี เพราะ จุดเด่นของมนุษย์เงินเดือนคือ มีรายได้ที่แน่นอน ทำให้ประมาณการผ่อนชำระได้ง่าย แถมมีรายการเดินบัญชีที่ชัดเจน ทำให้ธนาคารสามารถกำหนดวงเงินกู้ได้ค่อนข้างง่ายอีกด้วย แต่การผ่อนบ้านก็ถือเป็นรายจ่ายสำคัญที่ต้องจ่ายทุกเดือนและจะผิดนัดชำระไม่ได้ ซึ่งบางคนอาจจะถึงกับต้องขายบ้านเพราะผ่อนต่อไม่ไหว ดังนั้นก่อนจะวางแผนผ่อนบ้าน มนุษย์เงินเดือนควรเตรียมความพร้อมดังนี้

เตรียมความพร้อมให้ดีก่อนการกู้ซื้อบ้าน

  1. รายได้ของเรามั่นคงหรือไม่ : หลังจากที่เราได้ตอบคำถามในข้างต้นว่าด้วยเรื่องของข้อสงสัยที่ว่าเงินเดือน 30,000 ซื้อบ้านได้ไหมกันไปแล้ว เราเชื่อว่าอีกหนึ่งคำถามที่ใครหลายคนมักจะนึกสงสัยกันต่อได้แก่เงินเดือนประจำที่เราได้มานั้นจะต้องนับรวมกับเงินออมของเราด้วยหรือไม่ ? ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนขอกู้อะไรซักอย่างทางที่ดีเราควรจะประเมินศักยภาพของตัวเองให้ทั่วถึงกันก่อนว่าปัจจุบันเรามีรายได้เท่าไหร่ มีเงินออมเท่าไหร่ อนาคตรายได้จะเป็นอย่างไรเพราะ หากเราเพิ่งทำงานได้ไม่นาน รายได้อาจจะยังไม่แน่นอน และอาจจะเสี่ยงเกินไปที่จะเริ่มกู้ เพราะ หากกู้ไปแล้ว เกิดต้องออกจากงาน แล้วได้งานใหม่ที่เงินเดือนลดลง ก็อาจประสบปัญหากับการผ่อนได้ ดังนั้นจึงต้องมั่นใจกับรายได้ของเราเสียก่อนว่ามีความมั่นคงในระยะยาว
  2. รายได้ของเราสามารถกู้ได้เท่าไหร่ : ซึ่งเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับราคาบ้านที่เราสนใจ โดยทั่วๆไปธนาคารหลายแห่งก็จะประเมินความสามารถในการผ่อนต่อเดือนก่อนว่าสามารถผ่อนได้เท่าไหร่ แล้วถึงจะประเมินความสามารถในการกู้ได้ ซึ่งปกติจะคิดที่ไม่เกิน 40% ของรายได้ เช่น ถ้ารายได้ 30,000 บาท ความสามารถในการผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ 12,000 บาท และธนาคารก็จะนำไปประเมินถึงความสามารถในการกู้ได้ ซึ่งอาจจะกู้ได้ประมาณ 2,000,000 บาท(ต้องดูเงื่อนไขแต่ละธนาคารอีกครั้ง) หลังจากทราบยอดที่ธนาคารจะให้กู้แล้ว จึงไปหาบ้านที่เราต้องการ มือหนึ่ง, มือสอง, คอนโดมิเนียม, ทาวเฮ้าส์, บ้านเดี่ยว ทำเลไหน เอาให้ชัด ทีนี้มนุษย์เงินเดือนคนไหนที่มักสงสัยว่าเงินเดือนต่ำกว่า 30,000 ซื้อบ้านได้ไหม? คงจะได้คำตอบที่ชัดเจนกันมากขึนแล้ว
  3. มีผ่อนหนี้อย่างอื่นหรือไม่ : หากเรามีหนี้สินอื่นๆที่ยังคงผ่อนอยู่ ก็จะมีผลกับวงเงินที่สามารถกู้ได้ เช่นเรามีต้องผ่อนรถเดือนละ 6,000 บาท ก็จะทำให้ธนาคารประเมินถึงยอดเงินที่จะกู้ได้ลดลงไปอีก แต่หากใครมีหนี้บัตรเครดิต ก็ควรเคลียร์ให้หมดก่อนจะยื่นกู้สินเชื่อ เพราะ จะได้ไม่ทำให้ความสามารถในการกู้ลดลง
  4. มีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนหรือยัง : ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญแต่คนส่วนใหญ่มักจะละเลย จนไม่ได้เตรียมและมักจะเอาเงินไปดาวน์บ้านแทน ซึ่งหากผู้กู้เกิดตกงานกะทันหัน หรือ ธุรกิจมีปัญหา จนมีผลทำให้รายได้หยุดลง อย่างน้อยจะได้ไม่มีปัญหาในการผ่อนชำระงวดบ้านต่อไป ซึ่งควรกันไว้อย่างน้อย 6 เดือนจะได้มีเวลาปรับตัวทันในการหางานเพื่อให้มีรายได้เพียงพอ แต่หากผู้ที่ไม่ได้เตรียมเงินสำรองไว้ และหากต้องตกงานกะทันหัน ไม่มีเงินที่จะผ่อนบ้านต่อ ก็อาจจะหันไปหาแหล่งเงินกู้ที่อื่นเช่น บัตรเครดิต หรือกู้นอกระบบ ซึ่งทำให้การเงินมีปัญหาได้ในระยะยาว ดังนั้น ถ้าจะสบายใจควรมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้ประมาณ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดยค่าใช้จ่ายนั้นต้องรวมทั้งค่าผ่อนบ้าน ผ่อนหนี้อื่นๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายครอบครัวไว้เรียบร้อยแล้ว
  5. มีการจัดการความเสี่ยงให้ตัวเองอย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง : โดยความเสี่ยงนี้คือความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดต่างๆ ทั้งก่อนการกู้ หรือ รวมไปถึงเมื่อกู้เรียบร้อยแล้วด้วย ได้แก่ การทำประกันรถ ประกันอัคคีภัย ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ หรือ ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้าน เพราะหากเราไม่มีการปิดความเสี่ยงเรื่องนี้อย่างดีพอ เช่น เมื่อผ่อนบ้านไปสัก 3 ปี เกิดเป็นโรคมะเร็ง จะทำอย่างไร จะมีผลกับรายได้ของเราหรือไม่ และหากมีค่ารักษาที่สูงมากๆ จะมีผลกับเงินที่จะต้องไปผ่อนบ้านหรือไม่ ดังนั้นถ้ามีการจัดการเรื่องนี้ก่อนการกู้ ก็จะได้ผ่อนบ้านอย่างไม่ต้องกังวลกับเรื่องร้ายๆที่จะเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน ซึ่งการทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้านก็ถือเป็นการปกป้องความเสี่ยงที่ดีให้กับครอบครัวอีกด้วย
  6. อย่าลืมเตรียมเงินเพื่อการซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านด้วย : บางคนมาพลาดตอนสุดท้ายในเรื่องการซื้อของเข้าบ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตกแต่งบ้าน จนกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตบ้าง ดังนั้น จึงควรเตรียมงบประมาณไว้คร่าวๆด้วย โดยอาจจะค่อยๆซื้อเฉพาะอุปกรณ์ที่จำเป็นในบ้านก่อน แล้วหลังจากเริ่มผ่อนบ้านแล้ว ค่อยมาดูว่ามีเงินเหลือเดือนละเท่าไหร่ ค่อยมาซื้ออุปกรณ์อื่นๆเติมภายหลังก็ได้
  7. ถ้ามีเงินเหลือพอก็ควรวางเงินดาวน์บ้าง : หากเรามีเงินที่เหลือจากเรื่องอื่นๆแล้วก็อาจจะเตรียมงบประมาณส่วนนี้ไว้เพิ่มด้วยว่าเราน่าจะวางเงินดาวน์สักเท่าไหร่ดี ซึ่งก็จะช่วยให้ยอดเงินที่ต้องการกู้ลดลงจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ก็ลดลง

เตรียมพร้อมแล้วเราจะผ่อนเดือนละเท่าไหร่ดีล่ะ

เมื่อเราพร้อมที่จะผ่อนบ้านแล้ว ถึงเรื่องที่สำคัญคือ เราควรจะผ่อนเท่าไหร่ดี ถึงจะสบายๆไม่ลำบาก ซึ่งก็ควรพิจารณาดังนี้
  1. ยอดเงินผ่อนหนี้ทุกประเภทต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งเป็นเกณฑ์นี้ถือเป็นมาตรฐานสากลที่ถือว่าไม่มากเกินไป โดยหากเรามีการผ่อนหนี้อย่างอื่นอยู่แล้ว ก็ต้องหักออกไปก่อนถึงจะประมาณการเป็นยอดเงินผ่อนบ้านที่เหมาะสม เช่น ถ้าเรามีรายได้เดือนละ 50,000 บาท และมีผ่อนรถไปแล้วเดือนละ 8,000 บาท ก็ไม่ควรมีภาระผ่อนบ้านเกินกว่า 12,000 บาทต่อเดือน ( รวมแล้วไม่เกิน 20,000บาทต่อเดือน) เป็นต้น
  2. ควรเลือกการผ่อนแบบ ผ่อนน้อยๆ แต่ผ่อนนานๆโดยเลือกแนะนำให้ไปติดต่อกับธนาคารเพื่อดูเงื่อนไขเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ที่น้อยๆ โดยควรเลือกที่เป็นแบบดอกเบี้ยคงที่ก่อน ยิ่งคงที่มากกว่า3ปี ยิ่งดี เพื่อที่เราจะสามารถประมาณการผ่อนต่อเดือนได้แบบแน่นอน และควรเลือกระยะเวลาการผ่อนที่ยาว (ปกติจะไม่เกิน 30 ปี แต่เมื่อรวมอายุผู้กู้แล้วห้ามผ่อนเกินอายุ 65 ปี) เพราะ ยิ่งยาว ยอดผ่อนขั้นต่ำต่อเดือนก็ไม่สูง ซึ่งทำให้เราไม่ตึงเครียดด้านการเงินมากเกินไป
  3. มีเงินก้อนก็รีบโปะบ่อยๆ ซึ่งการคิดดอกเบี้ยของบ้านนั้นปกติจะเป็นการคิดแบบลดต้นลดดอก โดยดอกเบี้ยคิดเป็นรายวันคำนวนจากเงินต้นคงเหลือ เมื่อเราชำระค่างวด เงินจะถูกแบ่งไปชำระดอกเบี้ยก่อน ส่วนที่เหลือก็จะไปตัดเงินต้น ดังนั้นหากเราหมั่นเอาเงินก้อนมาโปะหนี้บ่อยๆ ก็ยิ่งเป็นการทำให้เงินต้นยอดหนี้ก็จลดลง-อย่างรวดเร็ว ดังนั้นช่วงนี้ถ้ามีโบนัสสิ้นปีก้อนโตๆ ก็อย่าเอาไปใช้หมด ควรมาโปะเพื่อลดต้นลดดอกดีที่สุด
  4. ครบ 3 ปี ก็อย่าลืมหาที่ Refinance เพราะ เนื่องจากปกติพอครบ3 ปี ดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารเดิมก็มักจะเป็นแบบลอยตัว ดังนั้นจึงควรลดภาระการผ่อนด้วยการหาแหล่งเงินกู้ใหม่ที่ดอกเบี้ยน้อยๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ทุกธนาคารก็แข่งขันกันสูง ก็เลยจะมีโปรโมชั่นดีๆ ดอกเบี้ยถูกๆมาให้เราเลือกมากมาย ดังนั้นอย่าเสียโอกาสนี้เด็ดขาด
ซึ่งคงกล่าวได้ว่าการวางแผนการผ่อนบ้านนั้น ถือเป็นการวางแผนการเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงินอย่างหนึ่ง เพราะทันทีที่เราได้ตัดสินใจซื้อบ้าน ก็ถือได้ว่าเราได้มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการวางแผนผ่อนบ้านอย่างดีพอ ก็จะช่วยให้เราได้เป็นเจ้าของบ้านในฝันอย่างสบายใจแน่นอน แต่หากเราไม่ประเมินตัวเอง เช่นผ่อนบ้านเกินกำลังของตัวเองที่จะจ่ายไหว ก็อาจทำให้บ้านในฝัน กลายเป็นบ้านที่ยิ่งอยู่ไปยิ่งเครียดก็เป็นได้

ก่อนจากกันไปเราอยากจะขอตอบคำถามให้กับผู้ที่กำลังสงว่าเงินเดือน 30,000 ซื้อบ้านได้ไหม กันอีกสักครั้ง? ว่าคำตอบก็คือได้แต่ทั้งนี้เราอาจจะต้องคำนึงถึงรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ความมั่นคงในหน้าที่การงาน, เงินออมที่มีอยู่ รวมไปถึงรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม

บทความโดย
ปริตา ธิติปรีชาพล
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา