บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ‘มีแต่ได้’ ดอกเบี้ยสูง ถอนได้ไม่จำกัด

krungsri-app-mee-tae-dai-text
qr-krungsri-app-mee-tae-dai
รับดอกเบี้ย
 
รับดอกเบี้ย
ทุกเดือน
เปิดบัญชี
 
เปิดบัญชี
ไม่มีขั้นต่ำ
เปิดบัญชีออมทรัพย์ออนไลน์
 
เปิดบัญชีออมทรัพย์ออนไลน์
ไม่ต้องไปสาขา
high-rate-icon
 
ดอกเบี้ยสูงทุกเดือน
ตั้งแต่บาทแรก

เปิดบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัล ‘มีแต่ได้ ออนไลน์’ ดีกว่าอย่างไร ?

การออมเงิน เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างฐานการเงินที่มั่นคง และยังสามารถนำไปใช้ในยามจำเป็นหรือเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคต การเลือกบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยสูง มีส่วนสำคัญให้เงินที่เก็บไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินสามารถเพิ่มพูนมากขึ้น ธนาคารกรุงศรีจึงขอเชิญชวนมาเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ "มีแต่ได้" ที่มาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยสูงและความสะดวกในการทำธุรกรรมที่สามารถโอน จ่าย และช้อปได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งได้ดอกเบี้ยสูงตั้งแต่บาทแรก
 

เปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ได้ ไม่ต้องไปที่สาขา

ลูกค้าที่สนใจเปิดบัญชีออมทรัพย์ “มีแต่ได้” ที่ให้ดอกเบี้ยสูง สามารถสมัครออนไลน์ผ่าน krungsri app และยืนยันตัวตนผ่าน NDID ไม่ต้องไปที่สาขา รวมไปถึงเมื่อเปิดบัญชีออนไลน์เสร็จสิ้นแล้ว ก็สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ฝากเงิน หรือทำธุรกรรมอื่น ๆ ก็ตาม
 

ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% ต่อปี

เมื่อเปิดบัญชีกรุงศรีออนไลน์ และฝากเงินไปแล้ว จะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี* ตั้งแต่บาทแรกที่ฝาก แต่ยังสามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมธุรกรรมการถอนใด ๆ ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงิน ทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องได้อย่างลงตัว
 

สินเชื่อนี้เหมาะกับใคร ?

บัญชีออมทรัพย์ "มีแต่ได้" สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้โดยที่ไม่ต้องไปธนาคาร เหมาะสำหรับคนที่มีความต้องการทางการเงิน ดังนี้
  • ผู้ที่ต้องการเปิดบัญชีออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยสูง
  • ผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกสบาย ถอนเงินได้ไม่จำกัด ผ่านช่องทางออนไลน์
  • ผู้ที่ต้องการเปิดบัญชีออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องไปธนาคาร
 

สมัครบัญชีออนไลน์ ‘มีแต่ได้’ ดีไหม ?

สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดบัญชีออนไลน์ แต่ยังไม่รู้ว่าของธนาคารไหนดี ขอแนะนำให้เปิดบัญชีกรุงศรีออนไลน์ “มีแต่ได้” โดยมีข้อดีที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
  • ดอกเบี้ยสูงตั้งแต่บาทแรก โดยได้ดอกเบี้ยสูง 1.5% ต่อปี
  • ถอนเงินได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการถอนเงินผ่านทุกช่องทาง
  • โอน ถอน จ่าย ได้ผ่าน krungsri app สะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย
  • ไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี ทำให้เปิดบัญชีได้ง่ายกว่าเดิม
  • สมัครบัญชีออนไลน์ได้สะดวก ใช้ NDID สำหรับยืนยันตัวตน ไม่ต้องไปที่สาขา

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ‘มีแต่ได้ ออนไลน์’ พร้อมจ่ายดอกเบี้ยสูงให้ทุกเดือนตั้งแต่บาทแรก เปรียบเสมือนเป็นที่พักเงินผลตอบแทนสูงสำหรับคนทุกวัย ตอบโจทย์ทั้งผู้ต้องการฝากประจำแต่ไม่ต้องการเงื่อนไขผูกมัด ตลอดจนผู้ที่ต้องการนำผลตอบแทนการลงทุนให้งอกเงย สามารถอ่านวิธีเปิดบัญชีออนไลน์กรุงศรีได้ที่ข้อมูลด้านล่างนี้เลย
 

รับสิทธิพิเศษ

เมื่อเปิดบัญชี และมีธุรกรรมการโอนเงินเข้าบัญชีในเดือนที่เปิดบัญชี ครั้งแรก 200 บาทขึ้นไป
เปิดบัญชีรับ 4 gift แลกรับ Magic e-Voucher มูลค่า 100 บาท
สามารถใช้สิทธิ์ Krungsri GIFT แลก Magic e-Voucher มูลค่า 100 บาท
(จำกัด 60,000 ท่านแรก ตลอดระยะเวลาส่งเสริมการขาย)
หรือใช้สิทธิ์ Krungsri Gift แลกรับสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่เมนู GIFT & Privileges

หมายเหตุ :
MAGIC e-Voucher สามารถใช้ได้ที่ เซ็นทรัล, โรบินสัน, ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด, อีทไทยโซนตลาด, มัทสึโมโตะ คิโยชิ, เพาเวอร์บาย, โกว้าว, โกเพาเวอร์, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี โฮม, ออโต้วัน, มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ และมูจิ (ยกเว้นร้านค้าเช่าพื้นที่, พื้นที่ศูนย์อาหาร และช่องทางออนไลน์)
 
 

วิธีการใช้ Krungsri GIFT แลกของกำนัลที่ KMA krungsri app

เช็กสิทธิ์ และแลกง่ายผ่านมือถือ KMA krungsri app

ขั้น_1
ขั้นตอนที่ 1
เข้าสู่ระบบ
ขั้น_2
ขั้นตอนที่ 2
เลือกเมนู กิฟท์& สิทธิพิเศษ
ขั้น_3
ขั้นตอนที่ 3
เช็กสิทธิ์ และกดแลกสิทธิ์ที่ต้องการ
ลูกค้าเปิดบัญชีออมทรัพย์ มีแต่ได้ออนไลน์ ผ่านทาง KMA krungsri app และมีธุรกรรมการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ มีแต่ได้ ออนไลน์ ในเดือนที่เปิดบัญชี ครั้งแรกขั้นต่ำ 200 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 จะได้รับ Krungsri GIFT จำนวน 4 กิฟท์
  1. แลกของกำนัลที่ show อยู่ในช่อง “ของขวัญจากใจ” ผ่านเมนู GIFT & Privileges ใน KMA krungsri app​
  2. หรือแลกส่วนลด Magic e-Voucher มูลค่า 100 บาท จำกัด 60,000 ท่านแรก ตลอดระยะเวลาแคมเปญ (พิเศษเฉพาะลูกค้าที่เปิดบัญชีออมทรัพย์ มีแต่ได้ออนไลน์ ผ่านทาง KMA krungsri app) โดยวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันสิ้นสุดในการแลกส่วนลด Magic e-Voucher มูลค่า 100 บาท

วิธีเปิดบัญชีโดยยืนยันตัวตนผ่าน National Digital ID - NDID

1. ยืนยันตัวตนผ่านโมบายแอปของธนาคารที่จะเลือกใช้ยืนยันตัวตน โดยลูกค้าเคยบันทึกภาพใบหน้าไว้กับธนาคารที่จะเลือกใช้ยืนยันตัวตน

2. เลือกเปิดบัญชีออมทรัพย์แบบออนไลน์ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1
สำหรับลูกค้าปัจจุบัน

สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่มี krungsri app
และเคยผูกบัญชีเงินฝากบน krungsri app
กดเลือกเมนูทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 1
กดเลือก "เมนูทั้งหมด"
กดเลือกเปิดบัญชีออนไลน์
ขั้นตอนที่ 2
กดเลือก "เปิดบัญชีออนไลน์"
เลือก banner มีแต่ได้
ขั้นตอนที่ 3
เลือก banner มีแต่ได้ ออนไลน์
กดปุ่มเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 4
กดปุ่ม "เปิดบัญชี"
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
ขั้นตอนที่ 5
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข กดปุ่ม “ถัดไป”
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
ขั้นตอนที่ 6
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
ใส่รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน 12 หลัก
ขั้นตอนที่ 7
ใส่รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน 12 หลัก
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 8
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ขั้นตอนที่ 9
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ขั้นตอนที่ 10
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ขั้นตอนที่ 11
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ขั้นตอนที่ 12
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ถ่ายรูป selfie
ขั้นตอนที่ 13
ถ่ายรูป selfie
เปิดบัญชีสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 14
เปิดบัญชีสำเร็จ


วิธีที่ 2
สำหรับลูกค้าปัจจุบัน

สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่มี krungsri app
ไม่เคยผูกบัญชีเงินฝากบน krungsri app
กดเลือกเมนูทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 1
กดเลือก "เมนูทั้งหมด"
กดเลือกเปิดบัญชีออนไลน์
ขั้นตอนที่ 2
กดเลือก "เปิดบัญชีออนไลน์"
เลือก banner มีแต่ได้
ขั้นตอนที่ 3
เลือก banner มีแต่ได้ ออนไลน์
กดปุ่มเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 4
กดปุ่ม "เปิดบัญชี"
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
ขั้นตอนที่ 5
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข กดปุ่ม “ถัดไป”
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
ขั้นตอนที่ 6
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
ใส่รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน 12 หลัก
ขั้นตอนที่ 7
ใส่รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน 12 หลัก
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 8
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ขั้นตอนที่ 9
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ขั้นตอนที่ 10
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ขั้นตอนที่ 11
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ขั้นตอนที่ 12
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ถ่ายรูป selfie
ขั้นตอนที่ 13
ถ่ายรูป selfie
เปิดบัญชีสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 14
เปิดบัญชีสำเร็จ


วิธีที่ 3
สำหรับลูกค้าใหม่

สำหรับลูกค้าไม่มี krungsri app
ลูกค้าใหม่ของธนาคาร
กดเลือก banner มีแต่ได้
ขั้นตอนที่ 1
สำหรับคนที่ไม่มี krungsri app user กดเลือก banner มีแต่ได้ ออนไลน์ สำหรับคนที่มี krungsri app user ให้ กดเลือก ‘เมนูทั้งหมด’ จากนั้นกด ‘เปิดบัญชีออนไลน์’
กดปุ่มเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 2
กดปุ่ม "เปิดบัญชี"
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
ขั้นตอนที่ 3
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข กดปุ่ม “ถัดไป”
กรอกหมายเลขโทรศัพท์
ขั้นตอนที่ 4
กรอกหมายเลขโทรศัพท์ กดปุ่ม “ถัดไป”
กรอกรหัส OTP
ขั้นตอนที่ 5
กรอกรหัส OTP
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
ขั้นตอนที่ 6
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
กรอกข้อมูลบัตรประชาชน
ขั้นตอนที่ 7
กรอกข้อมูลบัตรประชาชน
เลือกช่องทางการยืนยันตัวตนด้วย NDID
ขั้นตอนที่ 8
เลือกช่องทางการยืนยันตัวตนด้วย NDID
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน NDID
ขั้นตอนที่ 9
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน NDID
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน NDID สำเร็จ
ขั้นตอนที่ 10
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน NDID สำเร็จ
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 11
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ขั้นตอนที่ 12
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ขั้นตอนที่ 13
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ขั้นตอนที่ 14
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ขั้นตอนที่ 15
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ถ่ายรูป selfie
ขั้นตอนที่ 16
ถ่ายรูป selfie
ตั้งรหัส PIN
ขั้นตอนที่ 17
ตั้งรหัส PIN
เปิดบัญชีสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 18
เปิดบัญชีสำเร็จ


วิธีเปิดบัญชีโดยยืนยันตัวตนผ่าน Krungsri i-CONFIRM

1. นำบัตรประชาชนและ QR Code ที่ได้รับจาก krungsri app ไปยืนยันตัวตนที่จุดบริการ Krungsri i-CONFIRM

2. เลือกเปิดบัญชีออมทรัพย์ออนไลน์ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
กดเลือกเมนูทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 1
กดเลือก "เมนูทั้งหมด"
กดเลือกเปิดบัญชีออนไลน์
ขั้นตอนที่ 2
กดเลือก "เปิดบัญชีออนไลน์"
เลือก banner มีแต่ได้
ขั้นตอนที่ 3
เลือก banner มีแต่ได้ ออนไลน์
กดปุ่มเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 4
กดปุ่ม "เปิดบัญชี"
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
ขั้นตอนที่ 5
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข กดปุ่ม “ถัดไป”
กดปุ่ม ถัดไป
ขั้นตอนที่ 6
กดปุ่ม “ถัดไป”
ใส่รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน 12 หลัก
ขั้นตอนที่ 7
ใส่รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน 12 หลัก
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 8
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ขั้นตอนที่ 9
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ขั้นตอนที่ 10
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ขั้นตอนที่ 11
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ขั้นตอนที่ 12
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ถ่ายรูป selfie
ขั้นตอนที่ 13
ถ่ายรูป selfie
เปิดบัญชีสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 14
เปิดบัญชีสำเร็จ


กดเลือก banner มีแต่ได้
ขั้นตอนที่ 1
สำหรับคนที่ไม่มี krungsri app user กดเลือก banner มีแต่ได้ ออนไลน์ สำหรับคนที่มี krungsri app user ให้ กดเลือก ‘เมนูทั้งหมด’ จากนั้นกด ‘เปิดบัญชีออนไลน์’
กดปุ่มเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 2
กดปุ่ม "เปิดบัญชี"
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
ขั้นตอนที่ 3
ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข กดปุ่ม “ถัดไป”
กรอกหมายเลขโทรศัพท์
ขั้นตอนที่ 4
กรอกหมายเลขโทรศัพท์ กดปุ่ม “ถัดไป”
กรอกรหัส OTP
ขั้นตอนที่ 5
กรอกรหัส OTP
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
ขั้นตอนที่ 6
กดปุ่ม ‘ถัดไป’
กรอกข้อมูลบัตรประชาชน
ขั้นตอนที่ 7
กรอกข้อมูลบัตรประชาชน
เลือกช่องทางการยืนยันตัวตนด้วย i-CONFIRM
ขั้นตอนที่ 8
เลือกช่องทางการยืนยันตัวตนด้วย i-CONFIRM
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน i-CONFIRM
ขั้นตอนที่ 9
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน i-CONFIRM
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน i-CONFIRM สำเร็จ
ขั้นตอนที่ 10
ทำการยืนยันตัวตนผ่าน i-CONFIRM สำเร็จ
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ขั้นตอนที่ 11
ตรวจสอบข้อมูลเพื่อการเปิดบัญชี
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ขั้นตอนที่ 12
ตรวจสอบสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ขั้นตอนที่ 13
ตรวจสอบการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่น
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ขั้นตอนที่ 14
ระบุธุรกรรมที่คาดว่าจะใช้บริการ
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ขั้นตอนที่ 15
ให้ความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูล
ถ่ายรูป selfie
ขั้นตอนที่ 16
ถ่ายรูป selfie
ตั้งรหัส PIN
ขั้นตอนที่ 17
ตั้งรหัส PIN
เปิดบัญชีสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 18
เปิดบัญชีสำเร็จ


ต่อยอดการเงินอย่างลงตัวด้วย “เงินฝากออมทรัพย์ มีแต่ได้ ออนไลน์” บัญชีเงินฝากออนไลน์ จ่ายดอกเบี้ยสูงเข้าบัญชีทุกเดือน จบปัญหาไม่รู้จะเปิดบัญชีธนาคารไหนดีที่จะช่วยเก็บเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสต่อยอดและเป็นแหล่งเก็บเงินสดสำรองได้อย่างคุ้มค่า
เปิดบัญชี ออนไลน์ ได้แล้ว
ที่ krungsri app ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
เงินฝากออมทรัพย์_app_store เงินฝากออมทรัพย์_play_store เงินฝากออมทรัพย์_qr_code

รายละเอียด

  • บุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุ 12 - 70 ปี สามารถเปิดบัญชีเงินฝากได้เพียง 1 บัญชี/ลูกค้า
  • กรณีเปิดบัญชีผ่านระบบยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID : NDID)
    • ต้องเคยเปิดบัญชีเงินฝากหรือทำธุรกรรมทางการเงินอื่นใดด้วยบัตรประชาชน และยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ที่สาขาของธนาคารที่ใช้งานโมบาย แอปพลิเคชัน
    • ต้องใช้บริการโมบาย แอปพลิเคชััน ของธนาคารที่เปิดบัญชีที่เข้าร่วมทดสอบ NDID
  • เฉพาะลูกค้าบุคคลธรรมดา (ไม่อนุญาตสำหรับการเปิดบัญชี “ร่วม” , บัญชี “เพื่อ” และ บัญชี “โดย”)
  • ไม่จำกัดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำ
  • ลูกค้าอายุไม่เกิน 15 ปี สามารถโอนเงินผ่าน krungsri app ได้สูงสุด 50,000 บาท/วัน และสามารถปรับเพิ่มวงเงินโอนต่อวันผ่าน krungsri app ได้สูงสุด 50,000 บาท
  • สำหรับบัญชีมีแต่ได้ที่เปิดผ่านช่องทางออนไลน์ รับอัตราดอกเบี้ยดังนี้
    • ยอดเงินฝากน้อยกว่า หรือเท่ากับ 2 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.50% ต่อปี
    • ยอดเงินฝากมากกว่า 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.65% ต่อปี
    • ยอดเงินฝากมากกว่า 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 500 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี
  • ธนาคารจะคํานวณดอกเบี้ยตามจํานวนเงินฝากคงเหลือ ณ สิ้นวัน และจะจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ในวันก่อนวันทำการสุดท้ายของแต่ละเดือน หลังหักภาษี ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)
    ตัวอย่าง : คำนวณดอกเบี้ยโดยคิดตามยอดเงินฝาก ณ สิ้นวัน ทั้งจำนวน
    ลำดับที่ วันที่ฝาก ยอดเงินคงเหลือ ณ สิ้นวัน คำนวณอัตราดอกเบี้ย
    1 9 ม.ค. 2567 90,000 บาท (90,000x1.50%)/365
    2 10 ม.ค. 2567 1,500,000 บาท (1,500,000x1.50%)/365
    3 11 ม.ค. 2567 10,000,000 บาท (10,000,000x0.65%)/365
  • ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและวิธีการให้บริการโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไขการเปิดบัญชี และอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามประกาศธนาคาร

คำถามที่พบบ่อย

บุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุ 12 ปีขึ้นไป (ไม่อนุญาตให้เปิดบัญชี “เพื่อ” และบัญชี “โดย”)
1 บัญชี ต่อ 1 ท่าน
แตกต่างกัน ดังนี้
  บัญชีมีแต่ได้ ที่เปิดผ่านช่องทางออนไลน์ บัญชีมีแต่ได้ ที่เปิดบัญชีผ่านช่องทางสาขา
1 สำหรับลูกค้าสัญชาติไทย ที่มีอายุระหว่าง 12-70 ปีเท่านั้น สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา
2 ไม่มีการกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำ จำนวนเงินฝากในการเปิดบัญชีขั้นต่ำ 500 บาท
3 เปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ krungsri app เท่านั้น เปิดบัญชีผ่านช่องทางสาขา
4 สามารถเปิดบัญชีเงินฝากได้เพียง 1 บัญชี/ลูกค้า สามารถเปิดบัญชีเงินฝากได้เพียง 1 บัญชี/ลูกค้า
5 ไม่อนุญาตให้สมัครบัตรเดบิตและไม่มีสมุดคู่ฝาก อนุญาตให้สมัครบัตรเดบิตและมีสมุดคู่ฝาก
6 ไม่คิดค่าธรรมเนียมทำรายการตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป มูลค่า 50 บาท/รายการ คิดค่าธรรมเนียมทำรายการตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป มูลค่า 50 บาท/รายการ
7
  • สำหรับบัญชีมีแต่ได้ ที่เปิดผ่านช่องทาง ออนไลน์ รับอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
    • ยอดเงินฝากน้อยกว่า หรือเท่ากับ 2 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.50% ต่อปี
    • ยอดเงินฝากมากกว่า 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.65% ต่อปี
    • ยอดเงินฝากมากกว่า 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 500 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี
  • สำหรับบัญชีมีแต่ได้ ที่เปิดผ่านช่องทางสาขา รับอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
    • ยอดเงินฝากน้อยกว่า หรือเท่ากับ 100,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.10% ต่อปี
    • ยอดเงินฝากมากกว่า 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.90% ต่อปี
    • ยอดเงินฝากมากกว่า 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
    • ยอดเงินฝากมากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี
สามารถทำได้ แต่ลูกค้าจะสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้อีกเพียง 1 บัญชีเท่านั้น
บัตรประชาชน
ไม่สามารถทำได้ ลูกค้าต้องเปิดบัญชีดังกล่าวผ่าน krungsri app เท่านั้น
เนื่องด้วยเป็นบัญชีที่ออกแบบมาสำหรับกลุ่มลูกค้าที่เน้นการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยอำนวยความสะดวกลูกค้าสามารถเปิดบัญชี และทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ธนาคารจึงขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้ลูกค้าทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงินผ่านช่องทางสาขา
ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากบัญชีประเภทนี้เป็นบัญชีแบบไม่มีสมุดคู่ฝาก
ไม่จำกัดจำนวนการฝากเงิน
สามารถทำรายการหรือธุรกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับบัญชี ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้
  1. ฝากด้วยเงินสดผ่านเครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ (Cash Deposit Machine – CDM) หรือโอนเงินจากบัญชีเงินฝากบัญชีอื่น
  2. ถอนเงินด้วยบริการกดเงินไม่ใช้บัตร (Cardless ATM) ผ่านเครื่อง ATM ของธนาคาร หรือช่องทางอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
  3. โอนเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน krungsri app

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อชีวิตสบาย

จะ Gen ไหน ก็เลือกออมถูกใจ ได้กำไรเหมือนกัน

<div class="text-content"><h2 class="ar-text-content fz-16px-all-i">เคยตั้งข้อสงสัยกับตัวเองบ้างไหมครับ ว่าอายุเท่านี้ ควร<a class="Text-link fz-16px-all-i" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/plan-money-before-investment" target="_blank">ลงทุน</a>หรือเก็บเงินอย่างไรดี ถึงจะเหมาะกับวัยเราที่สุด เชื่อว่าหลายคนต้องมีข้อสงสัยเหล่านี้ในใจแน่ ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไรครับ เพราะแต่ละช่วงอายุหรือแต่ละวัยก็มีหลักหรือวิธีการออมเงิน การลงทุนที่แตกต่างกันจริง ๆ นั่นละ</h2><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับแต่ละช่วงอายุหรือแต่ละ <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/babyboomers-and-milleniums" target="_blank">Generation</a> กันก่อนดีกว่า เพราะเมื่อเราเข้าใจถึงลักษณะนิสัย พฤติกรรมของแต่ละ Gen แล้ว เราก็จะทราบว่าการลงทุน หรือการออมประเภทใดจะเหมาะกับช่วงอายุนั้น ๆ โดยจะขอยกมาพูดถึง 4 Gen คือ Gen B, Gen X, Gen Y และ Gen Z มาดูกันว่าคุณเหมาะกับการออมแบบไหน</div><h2 class="ar-box-title mt-40px-xl mt-24px-xs"><span class="ar-sub-title mt-40px-all" style="">เน้นออมเงิน เก็บเงิน - Gen B (Baby Boomer) </span></h2><div class="mt-ar-text1" style="text-align: center;"><img class="img-fluid" src="/getmedia/78b5dec0-0b21-4c75-b2a8-bd56e92d684c/generation-saving-1.jpg.aspx " /></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">คนที่เกิดใน Gen B หรือเราคุ้นชื่อว่า Baby Boomer นั้น อยู่ในช่วง พ.ศ. 2489 - 2507 เป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บ้านเมืองสงบหลังจากสงครามแล้ว จึงต้องเร่งฟื้นฟูประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง มีค่านิยมให้มีลูกมีหลานมาก เพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานมาช่วยกันพัฒนาประเทศ ปัจจุบันคนในยุคนี้มีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>ลักษณะนิสัย</b> : คน Gen B นี้ มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ มีความอดทนสูง ทุ่มเทให้กับการทำงานและองค์กรมาก พยายามคิดและทำอะไรด้วยตัวเอง เป็นเจ้านายคน ได้รับการสั่งสอนมาให้รู้จักประหยัด อดออม จึงใช้จ่ายเงินอย่างรอบคอบ และระมัดระวัง เป็นคนจริงจัง เคร่งครัดเรื่องขนบธรรมเนียนประเพณี มีความเป็นผู้นำสูง</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>เลือกออมแบบไหน </b>: Baby Boomer อยู่ในช่วงวัยที่แทบจะเรียกได้ว่าใกล้จะหมดภาระแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนรถหมดแล้ว ผ่อนบ้านใกล้หมด และใกล้เกษียณอายุจากการทำงาน จึงมักหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนทุกรูปแบบ เพราะต้องการวางแผนการเงินให้พอสำหรับการใช้ชีวิตในบั้นปลายของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้แบ่งเงินมาลงทุนเลย แต่เปอร์เซ็นต์น้อยเหลือเพียง 10% และอีก 90% ของเงินเก็บ ก็ควรจะเก็บฝากไว้กับธนาคาร ไม่ควรลงทุนเพิ่มในหน่วยการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ยกเว้นกรณีลงทุนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการทำงาน</div><div class="mt-ar-text1" style="text-align: center;"><img class="img-fluid" src="/getmedia/7127e9f3-9b86-4350-b546-a591b374769a/generation-saving-2.jpg.aspx" /></div><h2 class="ar-box-title mt-40px-xl mt-24px-xs"><span class="ar-sub-title mt-40px-all" style="">มีความมั่นคง พร้อมลงทุน - Gen X </span></h2><div class="ar-text-content mt-ar-text1">คน Gen X คือกลุ่มคนในวัย 33 - 47 ปี <b>เกิดในช่วง พ.ศ. 2508 - 2522</b> ชีวิตไม่ยากลำบาก โลกสงบเรียบร้อยแล้ว มีความมั่นคงในชีวิตสูง การใช้ชีวิตมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ วิดีโอเกม โทรศัพท์มือถือ สไตล์เพลงเป็นแบบฮิปฮอป</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>ลักษณะนิสัย</b> : คน Gen X ในวัยทำงานอายุ 30 ขึ้นไป เป็นคนชอบอะไรง่าย ๆ ไม่ชอบอะไรที่เป็นทางการ มีความ Work life balance สูง ทำงานแบบ Independence ได้ดี มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เปิดกว้าง มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็มีความขัดแย้งในตัวเองสูงเช่นกัน เช่น ต่อต้านสังคม ไม่ยึดกับขนบธรรมเนียม</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>เลือกออมแบบไหน</b> : คนใน Gen X นี้เป็น Gen ที่มีความพร้อมในการลงทุนมากที่สุดแล้ว เพราะมีรายได้มาก มีความรู้ ฐานะมั่นคง แม้จะมีภาระมากมายก็ตาม ดังนั้นจึงไม่ควรลงทุนแบบโลดโผน หากจะลงทุนในหุ้นก็ควรเป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อรอรับผลประโยชน์หลังจากเกษียณ แบ่ง 30% ของเงินเก็บไปลงทุน และอีก 70% ออมกับธนาคารหรือลงทุนในตราสารหนี้ต่าง ๆ คน Gen X นิยมลงทุนใน<u><a href="https://www.krungsri.com/bank/th/plearn-plearn/manage-risk-mutual-funds.html" target="_blank">กองทุนรวม</a></u>ประเภท LTF หรือ RMF เพราะลงทุนหุ้นในระยะยาว และยังนำมาช่วยลดหย่อนภาษีได้ด้วย เพราะเมื่อมีรายได้มากก็จะต้องเสียภาษีมากตามไปด้วย อีกหนึ่งการลงทุนที่เหมาะกับ Gen นี้ คือ การซื้อประกัน ทั้งประกันสุขภาพและประกันที่เป็นการเก็บเงินเอาไว้ใช้ในระยะ 10 - 20 ปีข้างหน้า เมื่ออายุมากขึ้น ในอนาคตอาจจะมีปัญหาสุขภาพตามมา</div><div class="mt-ar-text1" style="text-align: center;"><img class="img-fluid" src="/getmedia/9da02379-86d9-4d76-83ac-5da9fe0bae05/generation-saving-3.jpg.aspx" /></div><h2 class="ar-box-title mt-40px-xl mt-24px-xs"><span class="ar-sub-title mt-40px-all" style="">แบ่งเก็บ แบ่งลงทุน - Gen Y </span></h2><div class="ar-text-content mt-ar-text1">คน Gen Y คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 - 2543 อายุอยู่ที่ประมาณ 18 - 32 ปี เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเป็นสากล เปิดรับวัฒนธรรมแบบ Teen Pop มีความคิดว่าการชื่นชอบศิลปินต่างชาติเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีเทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์มือถือ MP3 ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เกิดมาในยุคที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต และเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>ลักษณะนิสัย</b> : ชอบทำงานเป็นทีม คน Gen Y เกิดมาพร้อมกับค่านิยมการประชุม ระดมความคิด เป็นคนไม่ชอบถูกเอาเปรียบและต้องการทำงานเพื่อให้ได้เงินเดือนสูง ๆ ชีวิตส่วนตัวชอบสังสรรค์และมีชีวิตหลังเลิกงาน เช่น ไปเล่นฟิตเนส แฮงก์เอ้าท์กับเพื่อน เป็นกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดี มีใจเอื้อเฟื้อต่อสังคม มีใจรักต่อสิ่งแวดล้อม ถนัดงานที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ชอบงานด้านไอที ใช้ความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างที่เราเห็นภาพคนยุคใหม่ที่นั่งเล่นสมาร์ทโฟน ไอแพด คุยโทรศัพท์ ไปพร้อม ๆ กับทานข้าวได้</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>เลือกออมแบบไหน</b> : คนใน Gen Y จะมีสัดส่วนในการลงทุนที่แตกต่างไป เพราะเข้าสู่ช่วงการทำงาน เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว บางคนอาจมีครอบครัว มีบ้าน คอนโด รถ เริ่มมีภาระและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น Gen Y จึงเริ่มมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย ดังนั้นจึงควรจะแบ่งเงินลงทุน 50% จากเงินเก็บ โดยเลือกลงทุนในกองทุน หรือตราสารเงินที่คุ้มครองเงินต้น ส่วนเงินเก็บอีก 50% ที่เหลือก็ควรออมที่ได้ดอกเบี้ยสูง เช่น <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/deposit/time-deposits/krungsri-24-month-tax-free" target="_blank">ฝากประจำปลอดภาษี</a> หรือโครงการพิเศษต่าง ๆ และควรเริ่มมองการลงทุนหุ้นในระยะยาวด้วย</div><div class="mt-ar-text1" style="text-align: center;"><img class="img-fluid" src="/getmedia/9b32b55d-a20a-462d-a16c-8ba0ecaa4d6e/generation-saving-4.jpg.aspx" /></div><h2 class="ar-box-title mt-40px-xl mt-24px-xs"><span class="ar-sub-title mt-40px-all" style="">พร้อมเสี่ยง และใช้ชีวิตให้คุ้ม - Gen Z </span></h2><div class="ar-text-content mt-ar-text1">Gen Z คือ Gen ใหม่ล่าสุดในยุคปัจจุบัน เป็น Gen ที่เกิดหลังพ.ศ. 2540 เป็นต้นไป มีอายุต่ำกว่า 19 ปี เติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแวดล้อม สามารถใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ดี เรียนรู้เร็ว เป็น Gen ที่มีจำนวนมากสุดในประเทศไทยขณะนี้</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>ลักษณะนิสัย</b> : เกิดมาในยุคที่มีพร้อม จึงมักมีลักษณะนิสัยที่รักสบาย และไม่ยึดติดกับสิ่งใด ชีวิตขาดอินเทอร์เน็ตไม่ได้ เรื่องการใช้เงิน คือมีอำนาจในการซื้อสูง รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ต้องการอะไร และยอมจ่ายเพื่อสิ่งนั้น กล้าซื้อของออนไลน์โดยไม่คำนึงถึง Privacy และนำไปแชร์ต่อในโซเชียลมีเดีย หรือเขียนลงบล็อก หรือในช่องทางโซเชียลต่าง ๆ ถือว่าเป็นผู้นำเทรนด์</div><div class="ar-text-content mt-40px-all"><b>เลือกออมแบบไหน</b> : Gen Z เหมาะกับการเริ่มต้นลงทุนมากที่สุด เมื่อเรียนจบออกมาอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า เพราะจะเป็นวัยที่จบใหม่ บางคนมีรายได้หรือเงินเก็บรอตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่เลย เมื่อเริ่มต้นทำงาน มีความมั่นใจและยอมรับความเสี่ยงได้สูง แต่ต้องขึ้นอยู่กับรายได้ที่มีด้วย อีกอย่าง Gen นี้ยังไม่ค่อยมีภาระ สามารถใช้เงินเก็บมากถึง 90% มาลงทุน โดยควรแบ่งลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี หรือการลงทุนที่คิดว่าจะได้ผลตอบแทนในระยะยาวที่คุ้มค่า แต่ต้องแบ่งเงินเก็บสัก 10% ไว้ฝากธนาคารที่ได้ดอกเบี้ยสูง หรือซื้อหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล หรือลงทุนในช่องทางที่สร้างความมั่นคง และมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นเอาไว้ด้วย เพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงให้ชีวิต</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">จะเห็นได้ว่าแต่ละ Gen มีวิธีการออมเงินและลงทุนที่ต่างกันออกไป ฉะนั้นคุณอยู่ในวัยไหนก็สามารถเลือกออมและลงทุนได้ตาม Gen ของคุณ การลงทุนที่น่าจะทำกำไรได้มากที่สุดคือช่วง Gen Z เพราะลงทุนในความเสี่ยงสูง การลงทุนและการวางแผนการเงินตาม Gen ต่าง ๆ ทำให้เราตั้งเป้าหมายในการใช้เงินได้ บางคนอาจเริ่มจากการลงทุนในกองทุนรวม ที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรืออาจจะซื้อประกันเงินฝากเอาไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ ๆ คนที่เริ่มซื้อประกันเอาไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย จะได้เปรียบตรงที่เงินต้นที่ต้องชำระเบี้ยประกันถูกกว่าคนที่ไปทำตอนอายุมาก สำหรับคำว่า &ldquo;ออมเงิน&rdquo; ไม่มีคำว่าเร็วเกินไป หรือว่าสายเกินไปนะครับ แค่คุณคิดจะเริ่มออมเงิน ก็ถือว่าคุณมาได้ครึ่งทางแล้ว<br />&nbsp;</div></div>ขอบคุณข้อมูลจาก: <a class="Text-link" href="https://www.shorturl.at/hmoG8" target="_blank">https://www.shorturl.at/hmoG8</a>, <a class="Text-link" href="https://www.shorturl.at/nLST6" target="_blank">https://www.shorturl.at/nLST6</a>, <a class="Text-link" href="https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/17186.html" target="_blank">https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/17186.html</a>
ks-coach
3 Min Read
share
เพื่อชีวิตสบาย

5 ขั้นตอนการวางแผนการเงินให้รุ่งด้วยปิรามิดการเงิน

การวางแผนการเงิน คือ การวาดภาพชีวิตในอนาคตของเรา หากเราต้องการมีชีวิตที่ไม่ลำบาก มั่นคง และสุขสบาย การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้ภาพเหล่านั้นชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เชื่อว่าทุกๆ คน ต่างมีความใฝ่ฝันไม่ว่าจะเล็ก-ใหญ่ หรือมีระยะใกล้-ไกล ความฝันเหล่านั้นต่างต้องการการวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อีกทั้งการวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยกันเราจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางไปยังชีวิตในอนาคตที่เรามุ่งหวัง เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า การวางแผนการเงินก็เท่ากับการวางแผนชีวิต<br /> <br /> วิธีการในการวางแผนการเงินนั้นมีอยู่มากมาย หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการควบคุมการใช้จ่าย การเก็บออมเพียงเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องเหล่านั้นเป็นส่วนสำคัญเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากจะวางแผนการเงินให้มีประสิทธิภาพ ได้ผลจริง ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องเข้าใจและให้ความสำคัญอยู่ด้วย <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow active collapsed" data-bs-target="#collapse-26012" data-bs-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-bs-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">เข้าใจหลักการวางแผนการเงินที่ถูกต้องด้วยปิรามิดการเงิน</a></li> <li><a href="#title-2">5 ขั้นตอนการวางแผนการเงินที่ได้ผลจริง</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>เข้าใจหลักการวางแผนการเงินที่ถูกต้องด้วยปิรามิดการเงิน</h2> </div> <center style="text-align: center;"><img alt="วางแผนการเงินให้มั่นคงด้วยปิรามิดการเงิน" class="img-fluid" src="/getmedia/3bd01048-d9a3-47bf-a705-698b8271e39c/5-steps-plan-your-money-2.jpg.aspx" /></center> <center><strong>ปิรามิดการเงิน (Financial Planning Pyramid)</strong><br /> Inspired by A-Academy</center> <br /> แผนภาพข้างต้น เป็นแผนภาพปิรามิดการเงิน (Financial Planning Pyramid) ที่ช่วยให้เราเห็นความสำคัญและลำดับขั้นตอนในการวางแผนการเงินอย่างง่าย ๆ แต่ครอบคลุมและใช้ได้จริง โดยสิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญมากที่สุดจะเรียงจากฐานปิรามิดขึ้นไปยังยอดปิรามิดตามลำดับ ซึ่งหมายความว่า เราต้องสร้างฐานของปิรามิดการเงินให้แน่นและมั่นคงเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยต่อยอดขึ้นไปสู่เป้าหมาย <ol> <li>บริหารจัดการรายรับและรายจ่าย (Revenue - Expense Management) เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด สำหรับการวางแผนทางการเงิน เพราะหมายถึง การรู้จักสถานะทางการเงินของตัวเองดีและการจัดการรายรับและการใช้จ่ายของตัวเองถือเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสและความท้าทายในอนาคต</li> <li>บริหารความเสี่ยง (Risk Management) ถือเป็นการเตรียมตัวเช่นเดียวกับการบริหารการเงิน เพียงแต่เป็นการเตรียมตัวในระดับที่สูงกว่า นั่นคือ การลดความเสี่ยงและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางไปสู่ชีวิตและเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งสิ่งที่ต้องทำเพื่อป้องกันความเสี่ยง เช่น การเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน การทำประกันภัย ประกันสุขภาพ และประกันชีวิต รวมถึงการเก็บเงินเกษียณอายุ เป็นต้น</li> <li>เก็บออมและลงทุน (Saving and Investment) เมื่อเตรียมการเงินของตัวเองพร้อมและลดโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงต่าง ๆ แล้ว เราก็พร้อมที่จะทำตามเป้าหมายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เช่น เก็บออมซื้อบ้าน เก็บออมท่องเที่ยว เก็บออมเพื่อสร้างครอบครัว หรือลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรด้วยหลากหลายวิธีการให้พร้อมรับความเสี่ยง เพราะได้เตรียมตัวจนมีสุขภาพการเงินที่แข็งแรง</li> <li>ส่งต่อความมั่งคั่งและมรดก (Wealth Distribution) หลังจากที่สร้างความมั่นคงและมั่งคั่งในชีวิต รวมทั้งบรรลุเป้าหมายได้อย่างที่ตั้งใจแล้ว อีกเรื่องที่ต้องวางแผน คือ การบริจาค การช่วยเหลือผู้อื่น เพราะสำหรับบางคนอาจใช้จ่ายด้วยการบริจาคมากจนเกินสมดุล ทั้งนี้ การเผื่อแผ่ความมั่งคั่งและช่วยเหลือผู้อื่นยังถือเป็นการเติมเต็มด้านจิตใจซึ่งช่วยให้ชีวิตสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังควรจัดการมรดกให้เรียบร้อยเพื่อคนที่เรารักและเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง</li> </ol> ทั้งนี้ การจัดการวางแผนการเงินทั้ง 4 ชั้นของปิรามิดการเงิน ก็ควรมีการ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/taxes/tax-knowledge/tax-plan-salaryman" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_text','event_label':'tax-plan'});" target="_blank">วางแผนจัดการภาษี</a>เสมอในทุกขั้นตอน เพราะไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้ หากคำนึงถึงการจัดการภาษี เราก็จะสามารถลดรายจ่ายส่วนนี้ได้ โดยในชั้นแรก หากเรารู้รายรับรายจ่ายของเราอย่างละเอียด ก็จะสามารถคำนวณภาษีได้ หรือในชั้นของการบริหารความเสี่ยง การออมการลงทุน และการบริจาค<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>5 ขั้นตอน การวางแผนการเงินที่ได้ผลจริง</h2> </div> หลักการปิรามิดการเงินช่วยให้เราเข้าใจลำดับความสำคัญของการวางแผนการเงินในด้านต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถแปลงเป็น 5 ขั้นตอน วางแผนการเงินที่สร้างความมั่นคงในระยะยาว และสามารถบรรลุทุกเป้าหมายทางการเงินได้<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. ติดตามการใช้จ่ายและทำงบดุล </strong></span></h3> จากปิระมิดการเงิน คงเห็นแล้วว่าการบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินตามเป้าหมาย ซึ่งในสมัยนี้ มีแอปพลิเคชันการเงินมากมายให้เลือกใช้ ที่ง่าย สะดวก บันทึกได้ทุกที่ทุกเวลาบนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ อีกสิ่งที่ช่วยให้เรารู้สถานะทางการเงินของเราได้อย่างละเอียดก็คือ การทำงบดุลส่วนบุคคล<br /> &nbsp;<br /> <strong>ลองสำรวจทรัพย์สินและหนี้สินของคุณดูง่ายๆ ด้วยตารางนี้</strong> <div style="text-align: center;"><img alt="ติดตามการใช้จ่ายและรู้สถานะการเงินกับงบดุล" class="img-fluid" src="/getmedia/0855f0e0-ebfe-4f56-b993-b81c61aa7483/5-steps-plan-your-money-3.jpg.aspx?resizemode=1" /></div> <br /> การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และการทำงบดุลจะช่วยให้เราสามารถติดตามการใช้จ่ายและรู้สถานะการเงินของเราได้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้รู้ปัญหา เช่น มีรายจ่ายอะไรบ้างต่อเดือน มักใช้จ่ายไปกับอะไรบ้างและมากเกินไปหรือไม่ และเพื่อที่จะได้บริหารการเงินของตัวเราเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการรู้ว่าสถานะการเงินของตัวเองเป็นอย่างไร<br /> &nbsp;<br /> สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปได้เพื่อบริหารจัดการรายรับและรายจ่าย (Revenue - Expense Management) คือ การลดรายจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็น เพื่อปะ &ldquo;รูรั่ว&rdquo; ของกระเป๋าสตางค์ หรือการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้สมดุล และปรับสมดุลสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ให้เหมาะกับจังหวะชีวิต เช่น เมื่อเริ่มทำงานและยังไม่มีภาระมาก ควรสะสมสินทรัพย์เพื่อการลงทุนให้มากเพื่อให้เงินงอกเงย หรือเมื่อมีภาระหรือคนที่ต้องดูแลก็ควรลดภาระหนี้สินลงให้มากที่สุด โดยเฉพาะภาระหนี้สินระยะสั้น และสะสมเงินสดให้มากขึ้น เป็นต้น หากจัดการการใช้จ่ายและปรับสถานะการเงินให้พร้อมแล้ว ทีนี้คุณก็พร้อมสำหรับทุกเป้าหมายทางการเงิน<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. แปลงเป้าหมายชีวิตเป็นเป้าหมายการเงิน </strong></span></h3> เชื่อว่าทุกคนก็มีความฝัน มีความต้องการ มีเป้าหมายในชีวิตที่อยากจะบรรลุให้ได้ ความตั้งใจเหล่านั้น อาจหมายถึงการมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย การมีบ้านให้ครอบครัว การไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต หรือจะเป็นการมีรถสักคัน ซื้อของที่อยากได้จริง ๆ การจะไปให้ถึงเป้าหมายชีวิต ในหลายข้อจำเป็นต้องใช้เงินเป็นปัจจัยสำคัญ หากเราปรับเป้าหมายในชีวิตต่าง ๆ เหล่านั้นให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยการแปลงให้เป็นเป้าหมายทางการเงิน เส้นทางไปสู่เป้าหมายก็จะชัดเจนขึ้น<br /> &nbsp;<br /> การตั้งเป้าหมายทางการเงินนั้น ถอดหลักการมาจากปิรามิดการเงินขั้นที่ 2 และ 3 คือ การจัดการความเสี่ยง และการออมและการลงทุน ซึ่งเราควรตั้งเป้าหมายเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เป้าหมายเพื่อชีวิตที่มั่นคง และเป้าหมายเพื่อตอบสนองความปรารถนา ทั้งนี้ หลักการในการตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ดี ควรตั้งให้แบบระบุจำนวนหรือสามารถเห็นความคืบหน้าได้ เป็นไปได้กับสถานะการเงิน และมีกำหนดระยะเวลาให้การบรรลุเป้าหมาย<br /> &nbsp; <h4><strong>1. เป้าหมายเพื่อชีวิตที่มั่นคง</strong></h4> เป้าหมายกลุ่มนี้ เป็นเป้าหมายที่ทุกคนควรจะมี เพื่อความมั่นคงและป้องกันความเสี่ยงในชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เรามีชีวิตที่เป็นสุข และพร้อมสำหรับการตั้งเป้าหมายอื่น ๆ ต่อไป<br /> ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายการเงิน <ul> <li>เก็บเงินสำรองฉุกเฉิน ปกติคนเราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินประมาณ 6 เดือนของค่าใช้จ่าย เพราะเมื่อวันหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย เงินส่วนนี้สามารถที่จะช่วยคุณได้ในระยะเวลาหนึ่ง</li> <li>ทำประกันสุขภาพ ประกันชีวิต และประกันทรัพย์สิน</li> <li>เก็บเงินเผื่อมีบุตร</li> </ul> &nbsp; <h4><strong>2. เป้าหมายเพื่อตอบสนองความปรารถนา</strong></h4> ให้เอาสิ่งที่อยากได้ ความฝันที่อยากบรรลุ มาตั้งเป้าหมายการเงิน โดยระบุสิ่งที่อยากทำ จำนวนเงินที่ต้องใช้ และกำหนดกรอบเวลา อาจเป็นระยะเวลาที่ต้องทำให้สำเร็จ จำนวนเงินที่ต้องใช้ หรือเก็บในแต่ละเดือนเพื่อเป้าหมายที่ต้องการ<br /> ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายการเงิน <ul> <li>เก็บเงิน 1,000,000 บาท แรก ภายใน 5 ปี</li> <li>เก็บเงินกู้ซื้อบ้าน/สร้างบ้าน จำนวน 500,000 บาท ภายใน 2 ปี</li> <li>เก็บเงินกู้ซื้อรถยนต์ จำนวน 100,000 บาท ภายใน 1 ปี</li> <li>เก็บเงินท่องเที่ยวต่างประเทศประจำปี จำนวน 60,000 บาท โดยเก็บเดือนละ 5,000 บาท</li> <li>กู้ซื้อแท็ปเล็ตรุ่นใหม่ 20,000 บาท ผ่อน 10 เดือน จ่ายเดือนละ 2,000 บาท</li> </ul> <br /> เมื่อแปลงเป้าหมายและสิ่งที่อยากได้เป็นเป้าหมายการเงินแล้ว อย่าลืมที่จะจัดลำดับความสำคัญให้ดีๆ ว่าสิ่งใดจำเป็นมากกว่า สิ่งใดที่ต้องการก่อน และดูให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินและความสามารถในการผ่อนเพื่อให้ยังสามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ปกติ และหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้โดยไม่จำเป็น<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>3. หาเครื่องมือบรรลุเป้าหมาย</strong></span></h3> จากเป้าหมายในชีวิตที่อยากบรรลุและแปลงมาเป็นเป้าหมายทางการเงิน ในขั้นตอนนี้ เราจะมาหาวิธีทำให้เป้าหมายเป็นจริงกันด้วยเครื่องมือต่าง ๆ นั่นคือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับเป้าหมายการเงิน<br /> &nbsp; <h4><strong>บัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี</strong></h4> ผลิตภัณฑ์การเงินประการแรก คือ เครื่องมือในการเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพมากๆ และเป็นการสร้างวินัยในการออมเงินอีกด้วย หากต้องการเก็บเงินซื้อรถยนต์ เก็บเงินดาวน์บ้าน ออมเงินเพื่อการศึกษาลูก เก็บเงินซื้อของในอนาคต เช่น คอมพิวเตอร์ หรือแท็ปเล็ต เป็นต้น การเปิด<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/deposit/time-deposits" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_text','event_label':'TimeDeposits'});" target="_blank">บัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี</a>น่าจะเป็นตัวเลือกที่ช่วยได้<br /> &nbsp; <h4><strong>กองทุนสำหรับลดหย่อนภาษี</strong></h4> ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เหมาะสำหรับไว้สร้างความมั่นคงในอนาคต เราอาจนำเงินไปลงทุนใน RMF หรือ SSF นอกจากจะได้สิทธิประโยชน์ในการ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/tax-deduction" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_text','event_label':'10-methods-to-reduce-taxes'});" target="_blank">ลดหย่อนภาษี</a> แล้วยังให้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนอีกด้วย<br /> &nbsp; <h4><strong>ผลิตภัณฑ์ลงทุนอื่น ๆ</strong></h4> สำหรับเป้าหมายระยะยาว เช่น <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/wealth/krungsri-prime/home" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_text','event_label':'krungsri-prime'});" target="_blank">เก็บเงินล้านแรก</a> เก็บเงินซื้อบ้าน เป็นต้น การลงทุนในผลิตภัณฑ์ลงทุนต่างๆ อย่างกองทุนรวมต่าง ๆ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ก่อนลงทุนคุณควร<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/investments/investment-knowledge/guide-investors-choose-best-divided-fund" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_text','event_label':'investment-plan'});" target="_blank">ศึกษาและวางแผนลงทุน</a>ให้รอบคอบเสียก่อน กระจายความเสี่ยงที่รับไหว ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากคุณเตรียมตัวตั้งแต่ฐานปิรามิดการเงินและชั้นบริหารความเสี่ยงไว้มั่นคงแล้ว คุณก็พร้อมที่จะรับความเสี่ยงการออมและการลงทุนในปิรามิดการเงินชั้นต่อไปได้<br /> &nbsp; <h4><strong>ประกันชีวิต ประกันภัย และประกันทรัพย์สิน</strong></h4> เครื่องมือตัวนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเป้าหมายในการลดความเสี่ยงในชีวิตและการสูญเสียที่ไม่คาดฝัน แต่เราก็สามารถเลือก<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/planyourmoney/must-stories/life-plan/how-much-insurance-premium" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_text','event_label':'how-much-insurance-premium'});" target="_blank">ทำประกันให้เหมาะสมกับเป้าหมายชีวิต</a>อื่น ๆ ของเราได้ เช่น หากต้องการชีวิตเกษียณที่มั่นคง ก็อาจเลือกทำประกันชีวิตแบบบำนาญหรือแบบสะสมทรัพย์ก็ได้ เป็นต้น การทำประกันชีวิตยังตอบโจทย์ยอดปิรามิดการเงิน หรือการจัดการมรดกและการแบ่งปันได้อีกด้วย เพราะเมื่อวันที่เราจากไป คนข้างหลังจะได้ไม่ลำบาก อีกทั้งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>4. จัดทำแผนที่และออกเดินทาง</strong></span></h3> การจะไปให้ถึงจุดหมายที่เป็นสถานที่เราสามารถขับรถเดินทางตามผู้อื่นไปยังสถานที่นั้นได้ แต่สำหรับเป้าหมายทางการเงิน เราไม่สามารถลอกเลียนเส้นทางไปสู่เป้าหมายการเงินของใครได้ เพราะแต่ละคนย่อมมีสถานะทางการเงินและความพร้อมไม่เท่ากัน หากเดินตามผู้อื่น เราอาจ &ldquo;ล่ม&rdquo; กลางทางได้<br /> &nbsp;<br /> สถานะทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็นในการนำมาใช้ออกแบบแผนสำหรับบรรลุเป้าหมายการเงิน โดยปัจจัยพื้นฐานที่นำมาคิดได้อย่างคร่าว ๆ คือ ฐานเงินเดือน ภาระรายจ่าย และหนี้สิน จากนั้นจึงนำมาคิดกับเป้าหมายและแปลงเป็นงบประมาณรายเดือน<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>5. ติดตามความคืบหน้าและปรับแผนการเงินตามความเหมาะสม </strong></span></h3> หลังจากที่เราวางแผนการเงินและออกเดินทาง และลงมือทำตามแผนแล้ว สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลย คือ การติดตามความคืบหน้าว่าตอนนี้เรามาอยู่จุดใดของแผนที่แล้ว เราเข้าใกล้เป้าหมายการเงินที่วางไว้แล้วหรือยัง ซึ่งการติดตามความคืบหน้า ควรแบ่งการติดตามออก เป็นแต่ละเดือนว่า เราสามารถทำตามงบประมาณที่ตั้งไว้ได้มากน้อยแค่ไหน และติดตามทุกครึ่งปี รายปี เพื่อให้เราไม่หยุดหรือหลุดออกจากแผนที่วางไว้<br /> &nbsp;<br /> หลักการวางแผนการเงินแบบปิรามิด ช่วยให้เราเข้าใจลำดับความสำคัญของการวางแผนการเงินว่า สิ่งใดที่เราควรทำก่อนหรือทำหลัง เพื่อให้แผนการเงินของเรารัดกุม ปลอดภัย และได้ผลจริง ทั้งแผนระยะสั้นและเป้าหมายในอนาคต ทั้งนี้ จะเห็นได้จากขั้นตอนการวางแผนเป้าหมายต่าง ๆ ในชีวิตหากนำมาแปลงเป็นเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เส้นทางในการบรรลุเป้าหมายก็จะชัดเจนและถือเป็นแผนที่ ให้เราเดินตามได้ เพื่อทุกเป้าหมายการเงินที่หวังไว้จะได้กลายเป็นความจริง <div class="mt-20px-all"><br /> บทความโดย<br /> ขวัญชัย รุ่งเรืองกอสว่าง AFPT&trade;<br /> กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล<br /> ธนาคารกรุงศรีอยุธยา</div>
ks-coach
7 Min Read
share
เพื่อชีวิตสบาย

ทำงานมาหลายปี อายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่?

<div class="text-content"><!-- start Top text content --><div class="ar-text-content">พวกเราเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า เรียนจบทำงานมาหลายปีแล้ว อายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่? หรือว่าเราดำเนินชีวิตให้ล่วงเลยไปโดยที่ไม่สนใจเรื่องเงินเก็บให้เพียงพอในวัยเกษียณมานานเท่าไหร่แล้ว<br /><br />กิจวัตรประจำวันของมนุษย์เงินเดือนที่ต้องตื่นแต่เช้ารีบออกไปทำงาน เบียดเสียดกันบนท้องถนนเพื่อเข้าทำงานได้ทันเวลา เมื่อถึงที่ทำงานก็ต้องซื้อของกินรองท้องเพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงในการทำงานในช่วงเช้า พอเข้าสู่ช่วงกลางวันก็ต้องรีบออกไปรับประทานอาหาร พนักงานพักเที่ยงพร้อมกันทำให้ร้านอาหารมีคนต่อคิวรอเยอะ อดทนได้ก็รอต่อไป ถ้าทนหิวไม่ไหวก็ต้องไปร้านอื่น กินข้าวเสร็จก็เดินออกกำลังกายเบา ๆ ย่อยอาหารในตลาดนัดใกล้ที่ทำงาน โดยบางคนอาจไม่ได้สนใจเลยว่าอายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ หรือควรวางแผนอย่างไรต่อไปในอนาคต</div><div style="width: 100%; display: block; float: right; border-top: 5px solid rgb(255, 221, 0); padding: 20px 0px; margin-left: 30px; font-size: 16pt; line-height: 1.5; text-align: center;">&quot;เราทุกคนต้องใช้เงินทุกวันเพื่อใช้ในการดำรงชีพ แต่เรารับเงินเดือนเพียงเดือนละ 1 ครั้ง จะทำอย่างไรให้เงินเดือนที่ได้รับมีพอใช้ในแต่ละเดือนจนกระทั่งมีใช้เหลือเฟือไปตลอดชีวิต&quot;</div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">แม้ว่าเงินเก็บจะไม่จีรัง แต่การเดินเล่น ๆ แต่ได้ของกลับมาจริง ๆ สิแน่นอน และเรามักจะมีคำพูดสั้น ๆ ว่า &ldquo;ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อหรอกนะ เห็นมันลดราคา&rdquo; โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่า เราซื้อของเพราะแค่ลดราคา หรือตกเป็นทาสการตลาดมากเท่าไหร่ เพราะเราคิดว่า &ldquo;ของมันต้องมี&rdquo; แต่ลืมคิดว่า อายุเท่านี้เราควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ต่างหากถึงจะถูกต้อง<br /><br />พอตกเย็นเป็นเวลาเลิกงาน เราก็อยากจะกลับไปใช้เวลาส่วนตัวกับครอบครัวที่บ้าน แต่ว่าพอเลิกงานปุ๊บ ฝนตกปั๊บ พอกลับถึงบ้านไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้วนอกจากนอนพักเพื่อจะได้มีแรงลุกไปทำงานในวันต่อไป</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">มนุษย์เงินเดือนทำกิจวัตรแบบนี้แทบทุกวัน ถึงแม้ว่าในแต่ละวันที่เราไปทำงานจะมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นแตกต่างกัน เช่น วันนี้ฝนตกตอนเช้า วันต่อมาตกตอนเย็น รถติดมากโดยไม่รู้สาเหตุ ฯลฯ ภายใต้เหตุการณ์เหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน คือ รายจ่าย เราทุกคนต้องใช้เงินทุกวันเพื่อใช้ในการดำรงชีพ แต่เรารับเงินเดือนเพียงเดือนละ 1 ครั้ง จะทำอย่างไรให้เงินเดือนที่ได้รับมีพอใช้ในแต่ละเดือนจนกระทั่งมีใช้เหลือเฟือไปตลอดชีวิต นี่แหละค่ะ ความสำคัญของการออมเงิน ที่ทำให้เราต้องกลับมาคิดว่า อายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่? เพื่อเป็นการวางแผนเกษียณอย่างมั่นคงและเพียงพอตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">ลองนึกย้อนหลับไปในวันแรกของการทำงาน เราเป็นน้องใหม่ที่ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนวันนี้กลายเป็นรุ่นพี่ใหญ่ในที่ทำงาน เราเคยสำรวจตัวเองไหมคะว่าทำงานจนป่านนี้ อายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่? ลองใช้สูตรในการคำนวณดูว่าเราทำงานมาจนอายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่กันแน่</div>&nbsp;<div style="display:block;padding:10px;border:solid 3px #FD0;font-size:12pt;text-align:center;"><strong>สูตรเงินออม = 2 x (อายุปัจจุบัน &ndash; อายุเริ่มงาน) x (เงินเดือนปัจจุบัน + เงินเดือนเริ่มงาน)</strong></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1"><strong><u>ตัวอย่างวิธีคำนวณ</u></strong><br />คุณศรีทำงานมาตั้งแต่อายุ 22 ปี เงินเดือน 15,000 บาท ตอนนี้อายุ 32 ปี เงินเดือน 40,000 บาท ตอนนี้คุณศรีน่าจะมีเงินเก็บไว้เท่าไหร่</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">เงินเก็บของคุณศรี = 2 x (32 &ndash; 22) x (40,000 + 15,000) = 1,100,000 บาท</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">ดังนั้นถ้าถามว่าคุณศรีอายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ คำตอบคือ 1,100,000 บาท เงินจำนวนนี้ไม่จำต้องอยู่ในรูปเงินสด 100% ควรแบ่งสัดส่วนเก็บไว้ในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายการออม เช่น</div><div class="pl-35px-all"><ul> <li class="ar-text-content">สินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น บ้าน ที่ดิน สินทรัพย์ให้เช่า</li> <li class="ar-text-content">สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น สลากออมสิน เงินสด ฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ ตราสารหนี้ กองทุนรวม หุ้น ทองคำ ฯลฯ</li></ul></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">สำหรับคนที่ลองคำนวณดูว่าอายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ แต่เงินสดและสินทรัพย์ยังไม่ถึงยอดที่คำนวณไว้ ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา<br /><br />เราทุกท่านรู้ว่าจะทำอย่างไรให้สร้างรายได้เพิ่มขึ้น แต่จะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าควรใช้เงินอย่างไรให้คุ้มค่าและมีเงินออม สมมติว่าเรามีรายได้ 100 บาท แล้วใช้จ่าย 100 บาท เราใช้เงินเท่ากับที่หาได้ถ้าหากวันหนึ่งเกิดเจ็บป่วย จำเป็นต้องใช้เงิน จะมีเงินส่วนไหนมาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลตัวเองเพราะไม่มีเงินออม ดังนั้น ควรให้ความสำคัญในเรื่องการใช้เงินเท่ากับการสร้างรายได้เพื่อสุขภาพการเงินที่แข็งแรง เมื่อเรารู้แล้วว่าอายุเท่านี้ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ต่อไปเป็นเรื่องของการลงมือทำจริงเพราะถ้ารับรู้แล้วไม่ลงมือทำจะเหมือนกับว่าเราไม่รู้อะไรเลย</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">*หมายเหตุ สูตรเงินออมโดยคุณคธาฤทธิ์ สิทธิกูล ผู้บรรยายหลักสูตร CFP ชุดวิชาที่ 1</div></div>
author-070
3 Min Read
share