ชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยคุ้นเคยและหลาย ๆ คนชอบดื่มเป็นประจำทุกเช้า ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีสูตรลับที่ทำให้ชามีรสชาติแตกต่างกันไปตามวัตถุดิบที่เลือกใช้ดังนั้นการยกระดับชาไทยจากราคาหลักสิบขึ้นมาเป็นราคาหลักร้อยด้วยคุณภาพที่พรีเมียมถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก แต่แบรนด์ Karun Thai Tea ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ สามารถพิชิตความท้าทายนี้ได้ด้วยการขายชาไทยราคาหลักร้อยแต่เต็มไปด้วยรสชาติที่พรีเมียม เข้มข้น หอมใบชา และมีเมนูสุดพิเศษที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด จึงทำให้ชาการันเป็นแบรนด์ที่เหล่าคนรักชาไทยชื่นชอบและติดใจตาม ๆ กัน วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาถอดสูตรความสำเร็จของการสร้างแบรนด์นี้กัน
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Karun Thai Tea
โดยจุดเริ่มต้นของ Karun Thai Tea เริ่มมาจากคุณแม่ของ
“คุณรัส ธัญย์ณภัคช์” เจ้าของชาการันที่เป็นคอชาไทยตัวยงและมีความคลั่งไคล้ในชาไทยอย่างมาก คุณรัสตระเวณกินชาไทยมาหลายที่ แต่กินที่ไหนก็ไม่ได้รสชาติที่อร่อยถูกใจ ทำให้เมื่อปี 1998 คุณแม่ของคุณรัสจึงไปคัดหาใบชาคุณภาพดี และมาปรับปรุงพัฒนาจนได้สูตรของตัวเองที่มีความกลมกล่อม เข้มข้น สีสันสดใส มาไว้สำหรับชงดื่มเองในบ้าน และเสิร์ฟเป็นเครื่องดื่มต้อนรับแขกที่แวะมาเยี่ยมเยียน
จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2019 ในขณะที่คุณรัสยังเป็นพนักงานประจำ ณ บริษัทแห่งหนึ่ง คุณแม่ของเธอได้ฉุกคิดไอเดียนึกอยากมอบสูตรชาไทยให้ลูกสาวนำไปขายสร้างรายได้อีกทาง คุณรัสที่เห็นดีด้วยจึงนำสูตรไปสร้างแบรนด์ชาการัน ชาไทยบรรจุในแพ็กเกจจิงที่เป็นขวดแก้วแบนพกพาสะดวก และจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เป็นครั้งแรก แต่จำนวนผู้ติดตามและยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้คุณรัสคิดถึงการเปิดหน้าร้าน ภายใต้โจทย์ว่ามันควรเป็น ‘สถานที่ที่น่าจดจำ’ ทำเลเป็นย่านมีกำลังซื้อ ถ่ายรูปสวย พนักงานน่ารัก และ ‘ลูกค้าจ่ายได้’ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องราคา หรือไม่เกินกำลังซื้อนั่นเอง
โดยเริ่มจากการเปิดบูธที่เอ็มควอเทียร์ก่อน 20 วัน ปรากฏว่าลูกค้าต่อคิวเต็มทุกวัน จึงทำให้คุณรัสเห็นว่าถ้าเราสร้างแบรนด์ชาการันโดยทำสินค้าดี เลือกลูกค้าถูกกลุ่ม และเริ่มต้นถูกที่ ลูกค้าก็จะเป็นคนบอกต่อปากต่อปากให้เอง ซึ่งหลังจากได้รับฟีดแบ็กที่ดีจากการเปิดบูธขาย คุณรัสก็ตัดสินใจเปิดสาขาแรกของ Karun Thai Tea ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์
ถอดกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของ Karun Thai Tea
ซึ่งหลังจากเปิดขายทางช่องทางออนไลน์และเปิดสาขาเอ็มควอเทียร์เป็นที่แรก จนวันนี้มีมากกว่า 15 สาขาแล้ว ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้ว ซึ่ง Karun Thai Tea ทำอย่างไรถึงสามารถสร้างแบรนด์ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดจนประสบความสำเร็จและสามารถสร้างแบรนด์ชาการันพรีเมียมให้กลายเป็นของที่จับต้องได้จริงสำหรับคนทั่วไปได้อย่างไร เราไปถอดสูตรกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของชาการันกันเลย
1. วิเคราะห์ลูกค้าที่พร้อมจะซื้อสินค้า
การสร้างแบรนด์ชาการันที่สำคัญคือการวิเคราะห์ว่ามีลูกค้าพร้อมซื้อสินค้ามากน้อยแค่ไหน เพราะแม้ว่าชาการันจะมีคุณภาพ แต่ยอดขายสินค้าต้องมากพอให้ธุรกิจสามารถขยายกิจการและเลี้ยงพนักงานในบริษัทได้ คุณรัสจึงใช้เวลาเกือบปีในการศึกษาตลาด เพื่อดูว่ามีช่องว่างอะไรบ้างให้แบรนด์สามารถลงไปเล่นได้มากขึ้น และถ้าหากวางเป้าหมายว่าจะเข้าตลาดพรีเมียม และราคาของแบรนด์ประมาณนี้ จะมีคนที่มีกำลังซื้อเพียงพอหรือไม่
ซึ่งคุณรัสก็ได้คำตอบว่าการสร้างแบรนด์ชาไทยคุณภาพระดับพรีเมียมที่พร้อมส่งออกยังมีช่องว่างให้แบรนด์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชาไทยได้อยู่ ส่วนการตั้งราคามาจากการคำนวณต้นทุนตั้งแต่แรก จึงส่งผลให้ชาการันต้องจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเฉพาะ ทำให้ช่วงแรกจึงมองว่ากลุ่มลูกค้าเป็นคนทำงานในเมือง ชอบชอปปิง ชอบถ่ายรูป และส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับเพื่อน จึงนำโจทย์นี้ไปเป็นไอเดียการสร้างแบรนด์ Karun Thai Tea ว่าควรจะดูหรูหราแต่ยังดูเข้าถึงได้ รวมถึงภาพลักษณ์หน้าร้านที่ต่าง ๆ ด้วย
2. เรียนรู้แบบเจาะลึก
คุณรัสเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาขาฟูดไซน์ หรือวิทยาศาสตร์อาหาร เพื่อลงลึกในเรื่องของใบชาต่าง ๆ เพื่อให้การสร้างแบรนด์ Karun Thai Tea ได้แตกต่างในตลาด ทั้งเรื่องใบชาและรสชาติ เพราะที่ผ่านมาชาไทยคือของหาง่ายในตลาด เป็นเมนูที่มีเกือบทุกร้าน แต่ยังไม่มีใครจริงจังและลงลึกให้ชาไทยกลายเป็นทุกอย่างเหมือนกับที่ชาการันทำได้นั่นเอง
3. มีความคิดสร้างสรรค์
การสร้างแบรนด์ของ Karun Thai Tea มีคอนเซ็ปต์ว่า Endless Possibility of Thai Tea หรือชาไทยสามารถเป็นได้ทุกอย่าง ความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่สินค้าตัวหลักคือ ‘ชา’ ที่แบ่งเป็นชานมและชาดำ มีทั้งแบบขวด แก้ว ปั่น แล้วชาการันยังมีเมนู Thai Tea Affogato หรือชาไทยคู่กับไอศกรีม หรือเพิ่มความสนุกด้วยลูกเล่นต่าง ๆ อย่างการนำใบชามาเบลนด์กับกลิ่นอื่น เช่น วานิลลา โกโก้ ดอกจำปา จนถึงดอกหอมหมื่นลี้ เพื่อเพิ่มมิติให้ประสบการณ์ดื่มของลูกค้าไม่จำเจ และยังต่อยอดไปถึงใบชาอบแห้ง ขนมหวาน และล่าสุดกับผลิตภัณฑ์สบู่บาธบอม (Bath Bomb) กลิ่นชาไทย และเทียนหอมกลิ่นชาไทย ซึ่งจากความคิดสร้างสรรค์ทั้งหมดนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรการสร้างแบรนด์ Karun Thai Tea จึงประสบความสำเร็จขนาดนี้
เทคนิคที่ทำให้ Karun Thai Tea เป็น viral ในโซเชียลมีเดีย
การประสบความสำเร็จของชาการันนั้นไม่ใช่เพียงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีการใช้
viral marketing กลยุทธ์การทำการตลาดที่ทำให้แบรนด์ Karun Thai Tea ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะมีอะไรบ้างเราไปดูกัน
ออกกลยุทธ์ผลิตแก้วกระดาษที่มีคำคมน่ารัก
Karun Thai Tea มีการรีเสิร์ชกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเปลี่ยนไปอยู่เสมอ และสร้างลูกเล่นต่าง ๆ ให้ผู้คนสนใจอยู่เสมอ โดยในปี 2022 ที่ออกกลยุทธ์ผลิตแก้วกระดาษที่มีคำคมน่ารัก ๆ ตกแต่ง เพื่อชักชวนให้ลูกค้าถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งวิธีนี้นับเป็นการโฆษณาไปในตัวแบบไม่ต้องลงทุนให้มากเลย
แพ็กเกจจิงสุดพรีเมียม ทุกอย่างล้วน Instagramable ถือไปที่ไหนคนก็รู้ว่าเป็น Karun Thai Tea
เพราะปกติแล้วกลุ่มคนที่ใช้โซเชียลมีเดีย คนที่ชอบแชร์ไลฟ์สไตล์การกินดื่ม ถ่ายรูปอาหาร เครื่องดื่มสวย ๆ ที่ดูน่าทาน มักจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบสินค้าพรีเมียม หากชาการันสามารถทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ประทับใจ เขาก็จะแชร์สินค้าของเราลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งแน่นอนว่าก็ทำให้ผู้ติดตามของคนกลุ่มนี้ ได้เห็นและได้รู้จักกับสินค้าของเราตามไปด้วย Karun Thai Tea จึงมีการออกแบบขวดชาที่เป็นขวดแก้วใส แก้วเสิร์ฟในร้านที่ทำจากกระดาษแฮนด์คราฟต์จับสบายมือ ใช้โทนสีขาวเรียบง่ายสไตล์มินิมอล หรือแม้กระทั่งกล่องกระดาษที่ออกแบบมาให้ดูเหมือนห่อของขวัญนั่นเอง
การขยายธุรกิจของชาการันไปต่างประเทศ
การสร้างแบรนด์ของ Karun Thai Tea ไม่ได้ประสบความสำเร็จแค่ในประเทศเท่านั้น แต่การที่ชาการันสร้างป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชาไทยแล้ว ก็ทำให้แบรนด์อื่น ๆ ที่อยากเล่นสินค้าเกี่ยวกับชาไทยก็จะนึกถึงแบรนด์ Karun Thai Tea ขึ้นมา เช่น แบรนด์ Maison Eric Kayser ร้านเบเกอรีชื่อดังจากฝรั่งเศส ก็ได้ติดต่อขอร่วมงานกับ Karun Thai Tea ทำเซ็ตพิเศษ โดยให้ทางแบรนด์ Karun Thai Tea นำกลิ่นเนยและเพิ่มรสชาติวานิลลาคาเคา ให้เข้ากับการทานคู่กับเบเกอรีที่โดดเด่นของ Maison Eric Kayser มาใส่ในชา และผลิตเป็นชาตัวใหม่ขึ้นมา ที่ชื่อว่า Vanilla Cacao Thai Tea นอกจากนี้ ยังมีการขายแฟรนไชส์ขยายไปยังประเทศสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม การทำแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องเริ่มจากสิ่งที่เราชอบและมีความรู้ เพื่อที่เราจะได้เข้าใจความรู้สึกของกลุ่มลูกค้าที่ชอบอาหารและเครื่องดื่มนั้นจริง ๆ ยิ่งถ้าเราศึกษาเมนูที่เราชอบจนเป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับ Karun Thai Tea รวมถึงยังคอยมองหาโอกาสในการพัฒนาสินค้า และใช้การ viral marketing ก็สามารถทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และต่อยอดความสำเร็จไปได้ไกลด้วยนั่นเอง
อ้างอิง