Leader Successors การ Transform องค์กรของผู้นำที่ประสบความสำเร็จ

Knowledge & Trend

“แม่ทัพ” คำที่อธิบายบทบาทและความสามารถของผู้หญิง ในเรื่องการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี สำหรับช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเทศกาลวันแม่แห่งชาติ Krungsri Business Empowerment ขอเสนอแนวคิดของ Power of Women ผ่านมุมมองของ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ผู้นำหญิงแกร่งของเครือดุสิตธานี ที่กำลังพาองค์กรที่มีอายุกว่า 70 ปี Transform ครั้งสำคัญ โดยให้องค์กรและพนักงานเดินหน้าไปสู่จุดหมายและความสำเร็จร่วมกัน
 
“การที่องค์กรมีรากฐานที่มั่งคงแข็งแรง มีการปรับ Business Model และมีการวางกลยุทธ์ที่ดี หากเมื่อตีมูลค่ามาสิ่งเหล่านั้นสามารถ Contribute ได้เพียง 5% เพราะ 95% ที่เหลือ “คน” คือผู้ที่จะทำให้ทุกอย่างสำเร็จนั่นเอง และการที่จะทำให้องค์กรเดินหน้าและบรรลุเป้าหมาย ต้องเริ่มจากการสื่อสารที่ชัดเจน และทำให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจเดินไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกันและด้วยพลังเดียวกันจากการตั้งเป้าหมายเดียวกัน เป้าหมายต้องชัดเจนและตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้สูง ทั้งการสร้าง Vision Mission และ Value เพื่อกระตุ้นให้ทีมเกิดความมุ่งมั่นที่จะเดินไปยังเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ร่วมกัน”
 
5 หลักคิดของการมี Team Commitment ที่ดีของพนักงาน ที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จประกอบด้วย 
  1. Clarity การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ทำไปแล้วได้อะไร ทำเมื่อไหร่ อย่างไร การกำหนดบทบาทและหน้าที่ของพนักงานที่ชัดเจน ทำให้พนักงานเห็นถึงคุณค่าในการทำงาน เพราะพนักงานทุกคน คือส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุน (Contribute) และทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ
  2. Standard การมีมาตรฐานที่สมดุลย์และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยสามารถควบคุมการบริหารจัดการและตอบโจทย์ให้กับองค์กร
  3. Flexibility มีความยืดหยุ่น โดยการมอบหมายงาน (Empower) ที่พนักงานสามารถตัดสินใจและแก้ปัญหางานนั้นได้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้องค์กรสามารถเดินหน้าได้โดยไม่ติดขัด
  4. Responsibility ความรับผิดชอบ เริ่มจากการสื่อสารและสร้างแรงจูงเพื่อให้พนักงานเข้าใจว่าสิ่งที่จะทำนั้นมีประโยชน์และเป็นแรงขับเคลื่อนต่อองค์กรอย่างไร
  5. Recognition การเป็นที่ยอมรับ ให้พนักงานแสดงความสามารถในการปฎิบัติงาน หากงานนั้นๆประสบความสำเร็จผู้บริหารต้องชื่นชมหรือให้รางวัลเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับพนักงานในการเป็น Change Agent ให้กับองค์กร
 
ซึ่งในช่วงเกิดวิกฤตผู้นำที่ดีต้องประเมินสถานการณ์ แล้วเลือกใช้วิธีบริหารจัดการที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ การเลือกใช้วิธีการลดคน หรือลดเงินเดือน เพื่อบริหารสภาพคล่องให้องค์กรอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับทุกสถาณการณ์ ถ้าเราเชื่อว่าธุรกิจจะกลับมาได้หลังวิกฤต คนคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างทันท่วงที แต่การลดคน (Lean Organization) อาจใช้ได้ในกรณีที่ต้องการลดงานที่ซ้ำซ้อนกันในธุรกิจ หรือทีมงานนั้นไม่ตอบโจทย์เมื่อมีการปรับBusiness Model ใหม่
 
ผู้นำองค์กรนอกจากจะต้องรับผิดชอบในการบริหารบุคลากรทุกคนในทีมและความรับผิดชอบในด้านต่างๆ แล้ว ผู้นำต้องมีการวางแผนและจัดสรรและแบ่งเวลาในการทำงานของตนให้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สำหรับการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้บริหารระดับสูงอย่างคุณศุภจี ใช้เทคนิคการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือที่เรียกว่า Work Life Integration ซึ่งมี 3 วิธีดังนี้ 
  1. การมีสติ รู้บทบาทและหน้าที่ของตนเองในแต่ละสถานะภาพ เช่น บทบาทผู้บริหาร หรือบทบาทครอบครัว
  2. การรักษาสัญญา (Promise) เมื่อสัญญาว่าจะทำอะไรก็ต้องรักษาสัญญาและทำให้ได้ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการสร้างวินัยและนิสัยให้กับตนเอง
  3. การดูแลตนเอง ทำให้ตนเองแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป ด้วยการแบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกายและดูแลตัวเอง เพื่อให้มีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
 
เทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน จะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยสื่อสารและบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ภารกิจและความรับผิดชอบต่างๆในชีวิตประจำวันทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น
 
หากผู้นำมีกลยุทธ์และวิธีการขจัดปัญหาและมีแผนการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตอย่างชัดเจน และปรับตัวให้เท่าทันกับสถาณการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น เชื่อว่าทุกองค์กรจะสามารถประคองตัวฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ
Tag:
ย้อนกลับ
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา