กองทุน SSF  ปี 2565 ที่น่าลงทุน
รอบรู้เรื่องภาษี
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

กองทุน SSF ปี 2565 ที่น่าลงทุน

icon-access-time Posted On 29 สิงหาคม 2565
by Krungsri The COACH
เป็นข้อเท็จจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของผู้ที่มีรายได้ในระบบภาษีอากร จะต้องมีการเสียภาษีตามฐานภาษีเป็นขั้นบันได ยิ่งมีฐานรายได้ที่สูงก็ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้ในระบบภาษีมีการเก็บออม และลงทุน รัฐบาลจึงมีการกำหนดให้มีกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีขึ้นมา ถ้าหากเปรียบเทียบกับการลงทุนทั่วไปแล้ว การลงทุนกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้นจะมีข้อได้เปรียบที่มากกว่าการลงทุนในกองทุนตามปกติที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน เพราะมีส่วนลดจากเงินภาษีที่ลดลงจากการให้สิทธิ์ลดหย่อนนั่นเอง สำหรับบทความนี้จะกล่าวถึงกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีประเภทแรกคือ “กองทุน SSF” กันนะครับ

กองทุน SSF คืออะไร

กองทุน SSF ย่อมาจากคำว่า “Super Savings Fund” เป็นกองทุนซึ่งเน้นการลงทุนในระยะยาว และมีสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี โดยที่กองทุน SSF สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ได้ ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนทองคำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
 
ซื้อกองทุน SSF 2565

ข้อควรรู้เกี่ยวกับกองทุน SSF

การลงทุนกองทุน SSF เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้นมีข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
  1. สามารถซื้อหน่วยลงทุนเพื่อใช้ลดหย่อนภาษี จำนวนสูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  2. ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อกองทุน ตัวอย่างเช่น ซื้อกองทุน SSF ในวันวันที่ 30 สิงหาคม 2565 จะสามารถขายกองทุน SSF ได้ วันที่ 31 สิงหาคม 2575
  3. ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อกองทุน และไม่ต้องกองทุนซื้อต่อเนื่องทุกปี
  4. สามารถนำเงินค่าซื้อกองทุน SSF มาหักลดหย่อนภาษีได้ในปี 2563 – 2567 (หลังจากปี 2567 ต้องดูเงื่อนไขตามประกาศฉบับใหม่)

เมื่อเราทราบแล้วว่ากองทุน SSF คืออะไร และมีข้อกำหนดอะไรบ้างแล้ว ก่อนที่นักลงทุนจะลงทุนในกองทุน SSF ควรคำนวณรายได้สุทธิ และฐานภาษี ให้ทราบยอดเงินที่จะต้องจัดไว้ลงทุนในกองทุน SSF และต้องเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตัวเองก่อน โดยจะต้องพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทน และความเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกองทุน และสินทรัพย์ที่ลงทุน

แนะนำกองทุน SSF เด่นประจำปี 2565

สำหรับธนาคารกรุงศรีฯ มีกองทุน SSF ที่น่าสนใจให้นักลงทุนเลือกลงทุน โดยเราจะเรียงลำดับจากกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงกันนะครับ
 
กองทุน SSF น่าสนใจ 2565
 

กองทุน SSF ความเสี่ยงต่ำ

สำหรับกองทุน SSF ที่มีความเสี่ยงต่ำนั้น สินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนจะอยู่ในลักษณะเป็นตราสารหนี้ในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ ผลตอบแทนสำหรับตราสารหนี้นั้นก็คือดอกเบี้ยที่ได้รับจากการถือตราสารหนี้ของกองทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับได้ความเสี่ยงต่ำ และต้องการผลประโยชน์ทางภาษีเป็นหลัก โดยมีกองทุนที่แนะนำคือ

กองทุนกรุงศรีตราสารเงิน-เพื่อการออม (KFCASHSSF) ซึ่งมีความเสี่ยงที่ต่ำ เนื่องจากกองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไม่ต่ำกว่า 70% ของ NAV และส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน สถาบันการเงิน หรือเงินฝากธนาคาร โดยกองทุนนี้ไม่มีการจ่ายปันผล ดังนั้นนักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าจะเสียภาษีในส่วนของเงินปันผลเพิ่มเติมอีกด้วย
 

กองทุน SSF ที่ลงทุนในหุ้น

สำหรับกองทุนที่มีการลงทุนในหุ้นสามัญภายในประเทศ และเป็นหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการที่ดี และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง โดยมีกองทุนที่แนะนำคือ

กองทุนกรุงศรี SET100-เพื่อการออม (KFS100SSF) โดยกองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งเป็นส่วนประกอบของดัชนี SET 100 เปรียบเสมือนกับการที่นักลงทุนลงทุนลงทุนในหุ้น 100 ตัว เช่นเดียวกับดัชนี SET 100 ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนทั้งในรูปของส่วนต่างของราคา (Capital Gain) เงินปันผล (Dividend) และยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
 
กองทุน SSF ลงทุนต่างประเทศ
 

กองทุน SSF ลงทุนต่างประเทศ

นอกจากนี้สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น และต้องการการลงทุนที่กระจายโอกาสไปยังตลาดต่างประเทศ และยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ขอแนะนำกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศที่น่าสนใจอีก 2 กองทุน

สำหรับกองทุนหุ้นต่างประเทศกองทุนแรกคือ กองทุนกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ปันผลเพื่อการออม (KFGBRANSSF) โดยกองทุนนี้จะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Morgan Stanley Investment Funds - Global Brands Fund, Class ZX ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ซึ่งเป็นบริษัทที่ประสบผลสำเร็จ หรือมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เช่น มีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จักทั่วโลก เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าที่เราทราบกันดี อาทิเช่น Microsoft, Philip Morris, SAP, Visa เป็นต้น
 
ลงทุนในประเทศจีน

สำหรับอีกกองทุนนั้นเหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากลงทุนในประเทศจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุดในโลก มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีปัจจัยที่เหมาะสมในการลงทุนระยะยาว คือ การปรับแผนพัฒนาประเทศโดยมุ่งเน้นไปที่การบริโภคภายในประเทศ และ New Economy ที่ผลักดันเศรษฐกิจให้สามารถเติบโตได้ในระยะยาว การให้ความสำคัญในการพัฒนาและการลงทุนอย่างมากกับกลุ่มพลังงานทดแทน ซึ่งนักลงทุนสามารถลงทุนได้ง่ายๆ ผ่าน กองทุนกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้เพื่อการออม (KFACHINSSF) โดยกองทุนนี้จะนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ UBS (Lux) Investment SICAV - China A Opportunity (USD) (Class P - acc) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่ม A-Shares ของจีนที่จดทะเบียนหรือซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ประเทศจีนได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และตลาดหลักทรัพย์เสินเจิ้น
 
กองทุน SSF แนะนำ

นอกจากนี้ทางธนาคารกรุงศรีฯ ยังมีอีกหลากหลายกองทุนที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับความต้องการได้ หากนักลงทุนต้องการปรึกษาหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติม ทางธนาคารกรุงศรีมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนโดยเฉพาะ ที่สามารถปรึกษาผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจากธนาคารกรุงศรี ติดต่อกลับ

สุดท้ายนี้ขอย้ำเตือนให้นักลงทุนทุกท่านคำนวณรายได้สุทธิ และฐานภาษีให้เรียบร้อยก่อนเตรียมเงินลงทุนในกองทุน SSF ที่นักลงทุนได้เลือกไว้ เพื่อให้นักลงทุนทุกท่านไม่พลาดโอกาสที่จะได้รับการลดหย่อนทางภาษีอย่างครบถ้วนนะครับ

บทความโดย
สิรภัทร เกาฏีระ CFP®
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา