อสังหาริมทรัพย์ แบรนด์ใหญ่ VS แบรนด์ใหม่ เทียบข้อดีที่เหมาะกับเรา
รอบรู้เรื่องบ้าน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

อสังหาริมทรัพย์ แบรนด์ใหญ่ VS แบรนด์ใหม่ เทียบข้อดีที่เหมาะกับเรา

icon-access-time Posted On 01 มีนาคม 2560
By Maibat
นักการตลาดคุ้นเคยกับการสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้รู้จัก จดจำ และหลงรักตราสินค้า ในมุมของผู้บริโภคก็อยากใช้สินค้าดีคุ้มค่าตรงความต้องการ และแบรนด์สะท้อนภาพลักษณ์ตัวตนของเขาจากการใช้สินค้านั้น ดังนั้นแบรนด์จึงกลายเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการส่งมอบคุณค่าสินค้าไปสู่ผู้บริโภค หลายครั้งที่ผู้บริโภคอย่างเราตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะแบรนด์มากกว่าตัวสินค้าซะอีก เพราะสมองคนเราจะคอยสั่งว่า แบรนด์นี้คู่ควรกับฉันหรือไม่ ถึงแม้ว่า แบรนด์เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่มันมีอยู่จริงในหัวของคนเรา ดังนั้น แบรนด์จึงถือเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่มีมูลค่าสูงครับ
อสังหาริมทรัพย์ เป็นสินค้าที่เคลื่อนที่ไม่ได้ มีอยู่อย่างจำกัด และมูลค่าสูงมาก ซึ่งแบ่งหลัก ๆ เป็น 2 ประเภท คือ อสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์ เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และอสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด (ในความจริงอสังหาฯ ทุกชนิดเราสามารถลงทุนหาผลตอบแทนได้) ซึ่งการซื้ออสังหาฯ มักใช้เงินก้อนใหญ่สุดในชีวิต คนไทยราว 80% ซื้อโดยการขอกู้เงินจากธนาคาร ดังนั้นเขาต้องคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ โดยปัจจัยที่สำคัญสุดหนีไม่พ้น คือ ทำเล จากนั้นต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น แบรนด์ ราคา ขนาดห้อง โปรโมชั่น เป็นต้น หลายครั้งทำเลดีแต่อย่างอื่นไม่ไปด้วยก็มีปัญหา ผมขอยกกรณีศึกษาโครงการลุมพินี พาร์ค พระราม 9 - รัชดา ทำเลอยู่ใกล้โรงพยาบาลพระราม 9 ติดถนนจตุรทิศ บริษัทเก่าที่พัฒนาโครงการเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาดประสบปัญหาขายไม่ค่อยได้อยู่หลายปี แต่หลังจากบริษัทลุมพินีเข้ามาทำโครงการแทนกลับขายดีหมดอย่างรวดเร็ว ผมเชื่อว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ การเปลี่ยนให้แบรนด์ใหญ่มาทำการตลาดแทน ซึ่งกำลังซื้อส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าเก่าที่เป็นแฟนคลับรออุดหนุนอยู่แล้วและอีกส่วนมาจากความเชื่อมั่นในแบรนด์นี้ว่ามีนิติบุคคลบริหารจัดการดี เห็นพลังของแบรนด์มั้ยครับ พลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
จากประสบการณ์ซื้ออสังหาฯ ของผมหลายสิบแห่ง ผมซื้อทั้งโครงการแบรนด์ใหญ่และแบรนด์ใหม่คละกันไป เพื่อไม่ปิดกั้นโอกาสเจออสังหาฯ ที่น่าสนใจลงทุน โดยสัดส่วนระหว่างแบรนด์ใหญ่และแบรนด์ใหม่อยู่ที่ประมาณ 80% และ 20% ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าผมให้น้ำหนักไปที่แบรนด์ใหญ่มากกว่า แต่ก็ไม่ทิ้ง ยังคงมีการลงทุนกับแบรนด์ใหม่ด้วย ดังนั้นแบรนด์แต่ละแบบมีข้อดีแตกต่างกัน มาดูครับว่ามีอะไรบ้าง
ข้อดีของการเลือกซื้ออสังหาฯ กับแบรนด์ใหญ่
  • แบรนด์เป็นที่รู้จักของคนในวงกว้าง การซื้อขาย ปล่อยเช่า คล่องตัวกว่า
  • ฐานะการเงินของบริษัทมีความมั่นคงกว่า โอกาสทำโครงการสำเร็จจึงสูงกว่า
  • ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญช่วยให้โอกาสสร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนดน้อยกว่า โครงการทำแล้วมีปัญหาน้อยกว่า
  • บริษัทใหญ่มักมีมาตรฐานการก่อสร้าง ออกแบบ และการบริการที่เหนือกว่า
  • มูลค่าทุกโครงการรวมกันสูง ธนาคารสามารถให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษกว่าโครงการทั่วไปกับลูกค้าของโครงการ
  • ระบบใส่ใจดูแลลูกค้า กรณีมีเรื่องร้องเรียนจะมีทีมงานดูแลแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วกว่า
ข้อดีของการเลือกซื้ออสังหาฯ กับแบรนด์ใหม่
  • แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ราคาต่อตารางเมตรมักขายถูกกว่าเยอะพอสมควร
  • ยอดขายยังไม่ดีเท่าแบรนด์ใหญ่ โปรโมชั่นลดแลกแจกแถมจัดเต็มกว่า
  • มีโอกาสเลือกตำแหน่งที่สวยถูกใจมากกว่า เพราะการแข่งขันไม่สูงเท่าโครงการของแบรนด์ใหญ่
  • อำนาจต่อรองอยู่ที่ผู้ซื้อมากกว่า ผู้ซื้อจึงมีโอกาสต่อรองราคาได้มากกว่า
  • แบรนด์ใหม่มักสร้างจุดขายที่แตกต่างซึ่งอาจเป็นจุดที่ตรงกับใจเรา
  • บางแห่งทำเลดีแต่ขนาดพื้นที่เล็กเกินแบรนด์ใหญ่จะมาลงทุน เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ใหม่
ต้องขอบอกว่า ข้อดี ข้อเสีย มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ทุกโครงการทั้งแบรนด์ใหญ่และแบรนด์ใหม่ เพียงแต่โอกาสเกิดมากน้อยต่างกัน ดังนั้นยังคงต้องทำการบ้านก่อนตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ด้วยการค้นหาข้อมูลโครงการอย่างละเอียดและวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียจากข้อมูล ซึ่งจะทำให้เจออสังหาฯ ที่ดีเหมาะกับตัวเราครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา