เพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุน หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐไปต่อหรือพอแค่นี้?

โดย สิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน
16 สิงหาคม 2567
แนวโน้มหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐไปต่อหรือพอแค่นี้
ที่ผ่านมาคุณรู้จักหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐดีพอหรือยัง? มาทำความรู้จักหุ้นกลุ่มนี้ พร้อมพบ 5 ปัจจัย ทำไมหุ้นเทคโนโลยีถึงมีความน่าสนใจ ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างพากันหมายปอง
 

ทำความรู้จักหุ้นเทคโนโลยี

หุ้นเทคโนโลยี (Technology Stocks) คือ หุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี หรือบริษัทที่มีการพัฒนาหรือใช้เทคโนโลยีในการดำเนินกิจการ ส่วนใหญ่มักมีรายได้จากการผลิตหรือให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น บริษัทซอฟต์แวร์ บริษัทอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บริษัทเครือข่าย บริษัทบริการออนไลน์ และอื่น ๆ หุ้นเทคโนโลยี จัดเป็นหุ้นประเภทเติบโตสูง หรือที่เรามักเรียกกันว่า growth stock ซึ่งแตกต่างจากหุ้นเน้นคุณค่าทั่วไป (value stock) ตรงที่การเติบโตของรายได้สูงมาก แต่บางครั้งอาจไม่มีกำไร

การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีมักมีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน หลายบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีมักมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความสำเร็จในการนำสินค้าและบริการใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด แต่ขณะเดียวกันเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดและมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีควรมีการศึกษาและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบเพื่อคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพและเชี่ยวชาญในธุรกิจเทคโนโลยีที่สนใจ
 

AI หนุนหุ้นเทคโนโลยีให้เติบโตต่อเนื่องได้อย่างไร?

แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยียังคงเติบโตอย่างโดดเด่นจากการขยายตัวของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์นักสร้าง โดยข้อมูลจาก Globe Newswire ประเมินว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยียังคงเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายตัวของ AI ทั่วโลก โดยคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 31% จนถึงปี 2576

การเติบโตของ AI ทำให้เกิดหุ้นเทคฯ นางฟ้าทั้ง 7 ของสหรัฐ หรือ Magnificent 7 ได้แก่ Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon, META (Facebook), Tesla และ Nvidia ซึ่งในปีที่ผ่านมาหุ้นเทคฯ ทั้ง 7 ตัวนี้ ผลักดันให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งไปกว่า 40% ปัจจุบันหุ้นเทคฯนางฟ้าทั้ง 7 มีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และไตรมาสแรกของปี 2567 หุ้นกลุ่มนี้ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 17% สูงกว่าดัชนี S&P ที่ปรับเพิ่มขึ้น 10%

นอกจากหุ้นเทคฯนางฟ้าทั้ง 7 จะเติบโตสูง แต่ยังมีกลุ่มธุรกิจที่อยู่ใน Supply Chain ทั้งหมดของ AI ที่เริ่มปรับตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ หรือ Chip ได้แก่ AMD และ TSMC และกลุ่ม Data Infrastructure ซึ่งเป็นกลุ่มข้อมูลที่ใช้ในการรองรับเทรนด์การเติบโตของ AI รวมถึงแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ที่ผู้บริโภค หรือ End User ใช้งาน ซึ่งหลังจากนี้จะได้เห็นการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ มากมาย นับเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมได้
 

5 ปัจจัยที่ทำให้หุ้นเทคโนโลยีน่าสนใจ มีอะไรบ้าง

 
5 ปัจจัยที่ทำให้หุ้นเทคโนโลยีมีความน่าสนใจ

ปัจจัยที่ทำให้หุ้นเทคฯ ดูน่าสนใจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้องแสดงถึงคุณค่าและความเชี่ยวชาญเฉพาะของบริษัทที่มีความโดดเด่น โดยมีข้อพิจารณาเบื้องต้น ดังนี้
  • ธุรกิจที่ช่วยสร้างยอดขายให้กับบริษัทอื่น คือ บริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์มาช่วยบริษัทหรือผู้ประกอบการเพิ่มยอดขาย เช่น Alibaba หรือ Amazon ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่พัฒนาพื้นที่ให้คนมาขายของ สร้างรายได้
  • ธุรกิจที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน คือ บริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ลูกค้า ผู้ใช้บริการจะได้ทำงานสำเร็จลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพและในเวลาที่น้อยลง เช่น Workday Salesforce HubSpot Slack และ Zendesk
  • ธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย คือ บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถประหยัดต้นทุนให้กับบริษัทอื่น ๆ ได้ ซึ่งการลดต้นทุนถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากในการทำธุรกิจ เพราะยิ่งมีต้นทุนต่ำ กำไรก็ยิ่งสูง เช่น DocuSign และ Zoom
  • นวัตกรรม บริษัทที่มีประวัติการพัฒนาและนำสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดมักมีโอกาสที่จะเป็นหุ้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลงทุน การครอบครองทรัพย์สินในปัจจุบัน เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างคุณค่าในระยะยาว
  • การทำกำไร การมีกำไรสุทธิเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินความสามารถในการดำเนินการของบริษัท โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีการแข่งขันสูง
 

โอกาสลงทุนแห่งการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก

จากกระแสการเติบโตของ Generative AI และยังเป็นเทรนด์ที่เติบโตต่อเนื่อง นักลงทุนสามารถมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ Data Infrastructure รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภค

กองทุนเปิดกรุงศรีเวิลด์เทคอควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ หรือ KFHTECH เสนอโอกาสการลงทุนในเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำขนาดใหญ่ ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) ภายใต้การบริหารจัดการของ BlackRock, Inc บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุด ที่เน้นใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ในเชิงลึกหุ้นเทคโนโลยียุคใหม่ เช่น AI, Cloud Computing เป็นต้น รวมถึงการหาบริษัทใหม่ ๆ เพื่อคว้าโอกาสการลงทุนในอนาคต

ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI ในยุคนี้มาแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้หุ้นเทคฯ สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโต ถึงแม้บางครั้งอาจจะได้รับผลกระทบในทางลบไปบ้าง อาจทำให้นักลงทุนหลายท่านเกิดความกังวล ทีม KRUNGSRI PRIME มีตัวช่วยด้านการลงทุนในกองทุน เพื่อคลายความกังวลใจ และเสริมความมั่นใจในการลงทุนให้มากขึ้น สามารถติดต่อเพื่อรับคำปรึกษาได้แบบส่วนตัวผ่านช่องทางโทรศัพท์ 02-296-5959 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก KRUNGSRI PRIME ติดต่อกลับ

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • KFHTECH เป็นกองทุนที่ลงทุนกระจุกตัวในประเทศ หรือกลุ่มประเทศที่กองทุนลงทุน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
สนใจร่วมเป็นลูกค้า ด้วยการเลือก KRUNGSRI PRIME ต่อยอดเงินให้เติบโต​
KRUNGSRI PRIME ช่วยพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน และต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโตสู่ล้านถัดๆไป นอกจากนี้ KRUNGSRI PRIME ยังมอบความพิเศษด้วยสิทธิ์ต่างๆทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ที่ถูกคัดสรรมาให้แก่ลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ