ก้าวให้ทันเทรนด์โลกอนาคต สร้างโอกาสการลงทุนผ่านสินทรัพย์เทคโนโลยี

โดย สิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน
25 กันยายน 2566
ก้าวทันเทรนด์โลกอนาคต ผ่านการลงทุนสินทรัพย์เทคโนโลยี
เทคโนโลยีเป็นทั้งปัจจุบันและอนาคตของเรา การลงทุนผ่านสินทรัพย์เทคโนโลยีจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และคำถามที่ตามมา คือ เราต้องก้าวทันเทรนด์เทคโนโลยีมากขนาดไหนจึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุน และในอนาคตแนวโน้มของเทรนด์นี้จะไปในทิศทางใด เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดกับทุกกระแสการลงทุนยอดฮิต บทความนี้จึงขอนำเสนอเรื่องราวของเทคโนโลยี ที่จะช่วยให้นักลงทุนมีทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนมากขึ้น
 

เริ่มต้นการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเรียนรู้การเติบโตของเทคโนโลยี

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนผ่านหุ้นและกองทุนเทคโนโลยี แต่ยังไม่มีความมั่นใจว่า จะช่วยให้พอร์ตเติบโตได้ดีหรือไม่ เราลองสำรวจรอบตัวเราก่อนว่าทุกวันนี้เรากำลังใช้ชีวิตร่วมกับเทคโนโลยีอยู่จริงไหม หรือจะเรียกว่าเทคโนโลยีคือวิถีชีวิตใหม่ของเราก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือในอนาคตก็ตาม

เทคโนโลยีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างง่าย ๆ ใกล้มือคือ หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ที่ในอดีตเป็นเพียงหน้าจอแสดงผลธรรมดา แต่ในปัจจุบันหน้าจอนี้กลับใช้เป็นตัวแทนสื่อบันเทิง ด้วยการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อการเข้าถึงโซเชียลมีเดีย ไม่เพียงด้านความบันเทิงเท่านั้น แต่โทรศัพท์มือถือที่มาในชื่อใหม่ว่า “สมาร์ตโฟน” นี้ ยังมาพร้อมกับความสามารถในการสั่งซื้อ-ขายหุ้น หรือติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินทั่วโลกผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมไปถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน และการยืนยันตัวตนด้วยวิธีการง่าย ๆ แค่เพียงกดเชื่อมต่อ

หรือจะให้เทียบการเติบโตของเทคโนโลยีแบบให้เห็นภาพรวมขนาดใหญ่ว่ามีการเติบโตรวดเร็วแค่ไหน คงต้องขอย้อนเวลาไปไม่นาน ประมาณ 23 ปี ที่โลกของเราเกิดวิกฤต Dot-com Crisis ในช่วงราว ๆ ปี 1998-2000 ในช่วงเวลานั้น บริษัทเทคโนโลยีเรียกว่าเป็นธุรกิจเล็ก ๆ บนโลกใบใหญ่ใบนี้ และบริษัทส่วนใหญ่ก็เป็นบริษัทสตาร์ตอัปแทบทั้งสิ้น เมื่อวิกฤตการณ์นี้เกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่บริษัทเล็ก ๆ จะล้มละลายหายไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ใครจะคิดว่าสินค้าจากบริษัท Apple ซึ่งในช่วง Dot-com Crisis ก็เป็นเพียงบริษัทสตาร์ตอัปเหมือนกัน จะเติบโตจนมีผู้ใช้บริการทั่วโลก และในปัจจุบันยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่มี Market Cap ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ดังนั้นเทคโนโลยีวันนี้ จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อความสะดวก ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย พฤติกรรมของเราในแต่ละวันก็เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างการสั่งซื้อสินค้า และการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆ อย่างการควบคุมระบบการทำงานในภาคอุตสาหกรรม หน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องพึ่งพาเทคโนโลยี และแน่นอนว่าเมื่อถามถึงอนาคต เทคโนโลยีจะยังคงสร้างความประหลาดใจให้กับเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ การพัฒนาขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบของ AI และการควบคุมดูแลความปลอดภัยของระบบฐานข้อมูล

ส่วนในโลกของการลงทุน ยิ่งเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปมากเท่าไหร่ จะยิ่งดึงดูดความสนใจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้มากขึ้น เพราะการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หรือถึงจุดที่ชะลอตัว ซึ่งเราจะคุยกันต่อว่า ทำไมหุ้นและกองทุนเทคโนโลยีจึงน่าสนใจ
 
ความน่าสนใจของหุ้นและกองทุนเทคโนโลยี ที่ควรมีติดพอร์ต
 

การลงทุนในหุ้นและกองทุนเทคโนโลยี ความน่าสนใจ ที่ควรมีติดพอร์ต

เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “หุ้นเทคโนโลยีมีความอ่อนไหว” กันอยู่บ่อย ๆ แต่ทราบเหตุผลและที่มาที่ไปของประโยคนี้กันหรือไม่ เราจะบอกความจริงให้ฟังว่า หุ้นและกองทุนรวมเทคโนโลยีนั้น มักจะโดนเขย่าได้ง่าย ๆ จากกระแสของโลก อย่างในปี 2022 ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นยักษ์ใหญ่อย่าง Nasdeq100 ยังมีอาการร่วงลงมาอย่างน่าใจหาย เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมระดับมหภาค อย่างภาวะเงินเฟ้อ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ และสงครามระหว่างประเทศรัสเซียกับประเทศยูเครน

แต่เพียงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา หุ้นเทคโนโลยีกลับฟื้นคืนชีพและปรับตัวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการพัฒนาอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์แบบของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ทำให้ตัวเลขในตลาดหุ้นกลับมามีสีเขียวสดใส สร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกให้อย่างน่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็น Nasdaq100 Index และ S&P500 Index หรือแม้แต่หุ้นรายตัวที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เช่น AMD, Micron, Nvidia และ TSMC เป็นต้น หรือสรุปได้ง่าย ๆ ว่า เหตุผลที่นักลงทุนควรมีหุ้นและกองทุนเทคโนโลยีติดพอร์ตเอาไว้ เพราะเทคโนโลยีมีความอ่อนไหวในระดับที่ทรุดตัวเร็ว แต่ก็กลับมาฟื้นตัวได้เร็วด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับเหตุผลที่นักลงทุนควรมีหุ้นหรือกองทุนเทคโนโลยีติดพอร์ตเอาไว้อีกดังนี้
  • ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป บวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้หุ้นและกองทุนมีความแข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน คือ แม้จะมีช่วงที่ผันผวนบ้าง แต่ก็เป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้น หากนักลงทุนเป็นผู้ที่ไม่นิยมความตื่นเต้นเร้าใจ ควรเลือกซื้อหุ้น หรือกองทุนระยะยาว เพราะจะสามารถสะสมผลตอบแทนได้ดี อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนระยะสั้นด้วย
  • สำหรับนักลงทุนที่ไม่มั่นใจในการเลือกซื้อหุ้นรายตัว เพราะทนความร้อนแรงจากกระแสการปรับตัวอย่างรวดเร็วของหุ้นไม่ไหว การลงทุนผ่านกองทุนเทคโนโลยีก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในดัชนีหุ้นเทคโนโลยี ที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีทั้งความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน
 

การลงทุนในธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีควรเริ่มต้นอย่างไร

การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ปัจจุบันนักลงทุนสามารถเปิดบัญชีเทรดได้ผ่านโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียง โดยหุ้นเทคโนโลยีแบบรายตัวมีให้เลือกมากมาย อย่างหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตชิประดับต้นน้ำ เช่น Nvidia, AMD และ Micron เป็นต้น หรือจะเลือกลงทุนในหุ้นในกลุ่มปลายน้ำอย่าง Adobe, Microsoft และ Alphabet ก็ได้ แต่ถ้านักลงทุนมีความไม่มั่นใจในการคัดเลือกหุ้นของตัวเอง สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นหรือบริษัทเทคโนโลยี จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้ โดยกองทุนรวมที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้-สะสมมูลค่า (KFGTECH-A) และกองทุนเปิดกรุงศรีเวิล์ดเทคอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า (KFHTECH-A) จาก บลจ.กรุงศรีที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้
 
เริ่มต้นลงทุนกองทุนเทคโนโลยีชั้นนำจากกรุงศรี
 

เริ่มต้นการลงทุนผ่านกองทุนเทคโนโลยีชั้นนำ จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ดังที่ได้กล่าวไปว่า กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นหรือบริษัทเทคโนโลยี สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ โดยเฉพาะการลงทุนแบบเชิงรุก (Active Fund) ที่มีเป้าหมายเอาชนะตลาด ด้วยทีมผู้จัดการกองทุนผู้มีความเชี่ยวชาญ จะช่วยให้เรื่องของเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องของความอ่อนไหวอีกต่อไป เราไปดูกันว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยาแนะนำกองทุนใดบ้างที่เหมาะกับคุณ
  1. กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้-สะสมมูลค่า (KFGTECH-A)
    มีลักษณะเป็นกองทุนรวมตราสารทุนแบบไม่จ่ายปันผล ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยี มีกองทุนหลักชื่อ T.Rowe Price Funds SICAV - Global Technology Equity Fund (Class Q) โดยเน้นการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาหรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทั่วโลก รวมไปถึงตลาดเกิดใหม่ด้วย

    และด้วยกองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศจึงมีความเสี่ยงระดับ 7 ถือเป็นความเสี่ยงสูง มีเป้าหมายมุ่งหวังให้ผลประกอบการมีความเคลื่อนไหวที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด หรือ Active Fund และมีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

  2. กองทุนเปิดกรุงศรีเวิล์ดเทคอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า (KFHTECH-A)
    มีลักษณะเป็นกองทุนรวมตราสารทุนแบบไม่จ่ายเงินปันผล เลือกลงทุนในกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม มีกองทุนหลักชื่อ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก กองทุนนี้มีความเสี่ยงสูงระดับ 7 อีกทั้งยังมีเป้าหมายมุ่งหวังให้ผลประกอบการมีความเคลื่อนไหวที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด หรือ Active Fund และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

จะเห็นได้เลยว่า การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี ส่งผลต่อการลงทุนที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สร้างพอร์ตที่มีความมั่นคง เพราะเทคโนโลยีถึงแม้จะมีความอ่อนไหว แต่ก็สามารถพลิกกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหุ้นและกองทุนกลุ่มเทคโนโลยีจึงมีโอกาสเติบโต นักลงทุนจึงควรมีหุ้นหรือกองทุนกลุ่มนี้เก็บไว้ในพอร์ต และถ้านักลงทุนไม่สามารถรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในระยะสั้น ๆ ได้ การลงทุนระยะยาวคือทางออกที่เหมาะสม นอกจากนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนให้กับทุกท่านด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การลงทุน ให้คุณสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูล เพื่อให้ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจาก KRUNGSRI PRIME ติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน

ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • กองทุน KFGTECH-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • KFGTECH-A, KFHTECH-A ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรม จึงอาจมีความเสี่ยงและความผันผวนของราคาสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไปที่มีการกระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
สนใจร่วมเป็นลูกค้า ด้วยการเลือก KRUNGSRI PRIME ต่อยอดเงินให้เติบโต​
KRUNGSRI PRIME ช่วยพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน และต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโตสู่ล้านถัดๆไป นอกจากนี้ KRUNGSRI PRIME ยังมอบความพิเศษด้วยสิทธิ์ต่างๆทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ที่ถูกคัดสรรมาให้แก่ลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ