กองทุน Thai ESG ตัวเลือกใหม่กองทุนลดหย่อนภาษี สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

โดย สิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน
28 มีนาคม 2567
กองทุน Thai ESG ตัวเลือกกองทุนลดหย่อนภาษี
ในยุคที่กระแสการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) กำลังมาแรง นักลงทุนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ที่ไม่เพียงต้องการเฉพาะผลตอบแทน แต่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social และ Governance: ESG) ในการดำเนินกิจการของบริษัทนั้น ๆ อีกด้วย ดังนั้นกองทุน Thai ESG จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนในยุคปัจจุบันนี้
 

Thai ESG แตกต่างอย่างไรกับ SSF และ RMF

ESG คือแนวคิดในการบริหารและพัฒนาองค์กรให้เติบโตก้าวหน้า สร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึงว่า นอกจากจะบริหารงานเพื่อหวังผลกำไรจากการทำธุรกิจแล้ว ยังคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งประกอบด้วย
 

1. สิ่งแวดล้อม (Environmental)

บริษัทจะต้องให้ความสำคัญกับการจัดการและจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนดูแล รักษา และฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมที่อาจได้รับผลกระทบมาจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วย
 

2. สังคม (Social)

บริษัทจะต้องมีการบริหารทรัพยากรบุคคลภายในองค์กรอย่างเท่าเทียมกัน ต้องให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ตลอดจนสุขภาพของพนักงานในบริษัท นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญและใส่ใจกับชุมชนที่อยู่รอบบริษัทด้วย
 

3. บรรษัทภิบาล (Governance)

บริษัทจะต้องมีการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ต้องมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี นอกจากนี้ยังต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต เพื่อให้เกิดการดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทอย่างเป็นธรรมมากที่สุด

ส่วนกองทุน Thai ESG คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้น ESG ของไทย หรือลงทุนในตราสารหนี้ด้านความยั่งยืนของไทย (ESG Bond) กองทุน Thai ESG จึงนับเป็นทางเลือกในการลงทุนของนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจการธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เพราะหากมีการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนแล้ว ก็มีโอกาสจะส่งผลโดยตรงต่อการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนของบริษัทตามไปด้วย และที่สำคัญการลงทุนในกองทุน Thai ESG จะได้รับการสนับสนุนการยกเว้นภาษีอีกด้วย

ทีนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วกองทุน Thai ESG มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง เมื่อเทียบกับกองทุนรวมอื่น ๆ ที่มีสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี อย่าง SSF (Super Saving Fund) กองทุนรวมเพื่อการออม และ RMF (Retirement Mutual Fund) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันสามารถสรุปให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังตารางข้อมูลด้านล่างนี้
 
เงื่อนไขสำคัญ Thai ESG SSF RMF
จำนวนเงินลงทุน และสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด (ต่อปี) ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และสูงสุด 100,000 บาท ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และสูงสุด 200,000 บาท ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และสูงสุด 500,000 บาท
เงื่อนไขการซื้อร่วมกับการออม และกองทุนเพื่อการเกษียณ ไม่มี ไม่เกิน 500,000 บาท ไม่เกิน 500,000 บาท
เงื่อนไขการลงทุน ไม่มีขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ไม่มีขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ไม่มีขั้นต่ำ แต่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี
ระยะเวลาการลงทุน อย่างน้อย 8 ปี นับจากวันลงทุนแบบวันชนวัน อย่างน้อย 10 ปี นับจากวันลงทุนแบบวันชนวัน อย่างน้อย 5 ปี นับจากวันลงทุนแบบวันชนวัน และจนถึงอายุ 55 ปี
นโยบายการลงทุน หุ้น หรือตราสารหนี้กลุ่ม ESG เฉพาะในประเทศเท่านั้น ลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ ลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ
นโยบายจ่ายเงินปันผล มี / ไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน มี / ไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน RMF ทุกกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
ปีที่สามารถใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี 2566-2575 2563-2567  
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทต่าง ๆ ควรศึกษาข้อมูลการลงทุนให้เข้าใจ และเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองเป็นสำคัญ เพื่อให้การลงทุนนั้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการลงทุน
 
Thai ESG ลงทุนในสินทรัพย์อะไร
   

Thai ESG ลงทุนในสินทรัพย์อะไร เข้าใจไว้มั่นใจทุกครั้งที่ลงทุน

สำหรับใครที่กำลังสนใจลงทุนในกองทุน Thai ESG ที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีระหว่างปี 2566-2575 สิ่งที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจและให้ความสำคัญด้วยก็คือกองทุน Thai ESG ลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง โดยสินทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG ลงทุนหลัก ๆ ประกอบด้วย
  1. หุ้น ESG ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ซึ่งได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) จาก SET โดยหุ้นดังกล่าวจะต้องมีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือความยั่งยืน ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings รวมทั้งสิ้น 193 บริษัท* แบ่งเป็น
    • ระดับ AAA 34 บริษัท
    • ระดับ AA 70 บริษัท
    • ระดับ A 64 บริษัท
    • ระดับ BBB 25 บริษัท
    *ข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567
  2. หุ้นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนใน SET หรือ MAI ที่มีแผนการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) โดยมีเป้าหมายในการช่วยลดปริมาณการปล่อย GHGs ของประเทศไทย โดยข้อมูลดังกล่าวจะต้องมีการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ก่อนการเผยแพร่ เพื่อความน่าเชื่อถือของข้อมูล
  3. ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนไทย ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนของประเทศไทย เช่น ตราสารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) เป็นต้น
  4. พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่ออกโดยรัฐบาล หรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีการค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากกระทรวงการคลัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนของประเทศไทย เช่น พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) เป็นต้น
  5. สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะต้องเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนของประเทศไทย ซึ่งออกตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น โทเคนดิจิทัลสำหรับโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green-Project Token) หรือโทเคนดิจิทัลสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน (Sustainability-Project Token) หรือโทเคนดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Token) ซึ่งมีหลักเกณฑ์ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด
จากสินทรัพย์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า กองทุน Thai ESG นั้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือ ผู้ลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่า กองทุนรวม Thai ESG จะลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหุ้น ESG นั้น ๆ จะต้องมีการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
 
Thai ESG โอกาสการลงทุน พร้อมลดหย่อนภาษี
   

กองทุน Thai ESG โอกาสการลงทุน ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์ด้านภาษี

กองทุน Thai ESG นอกจากจะมีข้อดีในการส่งเสริมประชาชนให้มีการเก็บออมและลงทุนในระยะยาวแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้บริษัทเอกชนในไทยหันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และนอกจากนี้ข้อดีที่สำคัญมากอีกประการหนึ่งในการลงทุนกองทุน Thai ESG คือ สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีที่นักลงทุนจะได้รับ

โดยเงื่อนไขของกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทนี้ระบุไว้ว่า จะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่ปี 2566-2575 ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องถือครองกองทุนอย่างน้อย 8 ปี นับแบบวันชนวันตั้งแต่วันที่ลงทุน ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุน Thai ESG ไม่มีเงื่อนไขบังคับให้ต้องลงทุนขั้นต่ำเท่าไหร่ และไม่มีเงื่อนไขต้องลงทุนเพิ่มทุกปี
 

แนะนำกองทุน Thai ESG ยอดนิยม เพื่อรับผลตอบแทนเติบโตอย่างยั่งยืน

ด้วยกระแสความนิยมในการลงทุนผ่านกองทุน Thai ESG นี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาก็ไม่พลาดที่จะนำ 2 กองทุน Thai ESG ยอดนิยม ที่มีโอกาสรับผลตอบแทนที่เติบโตได้อย่างยั่งยืนมาแนะนำไว้เป็นทางเลือกด้วย

1. กองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ทไทยเพื่อความยั่งยืน-ไทยเพื่อความยั่งยืน (KFTHAIESG)
ประเภทกองทุน : กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน / กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) / กองทุนรวมตราสารทุน / กลุ่มกองทุนรวม Equity General
ระดับความเสี่ยง : ระดับ 6 เสี่ยงสูง โดยมีความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ
สินทรัพย์ที่ลงทุน : ลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยสินทรัพย์หลักที่ลงคือ หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET หรือ MAI ซึ่งคัดเลือกมาแล้วว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือความยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดให้ลงทุนได้ รวมถึงโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนในกลุ่ม ESG ด้วย
ตัวเลือกกองทุน : KFTHAIESGD แบบมีนโยบายจ่ายเงินปันผล และ KFTHAIESGA แบบสะสมมูลค่า
กองทุนนี้เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นไทย รับความเสี่ยงได้ในระดับสูง

2. กองทุนเปิดเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน (KKP Government Bond Thailand ESG Fund)
ประเภทกองทุน : กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน / กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) / กองทุนรวมตราสารหนี้ / กลุ่มกองทุนรวม Long Term General Bond
ระดับความเสี่ยง : ระดับ 3 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศ
สินทรัพย์ที่ลงทุน : กองทุน KKP GB THAI ESG มีนโยบายการลงทุนตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เช่น ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) และ ตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked bond) ตามที่ ก.ล.ต. กำหนด ซึ่งเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
กองทุนนี้เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย รับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างต่ำ

กองทุน Thai ESG เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้สนับสนุนให้โลกใบนี้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผู้ลงทุนประหยัดภาษีได้ด้วย สำหรับใครที่อยากลงทุนแต่ยังไม่มีความมั่นใจมากพอ สามารถติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อพูดคุยและขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนโดยเฉพาะ ได้ที่ช่องทางฮอตไลน์ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูล เพื่อให้ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจาก KRUNGSRI PRIME ติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • กองทุน Thai ESG เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาว และสนับสนุนการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
สนใจร่วมเป็นลูกค้า ด้วยการเลือก KRUNGSRI PRIME ต่อยอดเงินให้เติบโต​
KRUNGSRI PRIME ช่วยพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน และต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโตสู่ล้านถัดๆไป นอกจากนี้ KRUNGSRI PRIME ยังมอบความพิเศษด้วยสิทธิ์ต่างๆทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ที่ถูกคัดสรรมาให้แก่ลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ