การมี
เงินล้านเป็นเงินเก็บเย็น ๆ ในบัญชี จะทำให้รู้สึกถึงการมีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้น สามารถใช้จ่ายได้อย่างไร้ความกังวล ส่งผลให้เวลาทำอะไร ตัดสินใจเรื่องใด ก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจ ไม่ลังเล สามารถเกษียณอายุได้เร็วขึ้น หรือใช้เงินนั้นในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ต่อยอดไปสู่เงินล้านต่อ ๆ ไปได้อีกเรื่อย ๆ
เลือกต่อยอดเงินล้านในแบบที่คุณต้องการ
เมื่อเรามีเงินล้านแรกแล้ว แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือ ต้องรู้จักต่อยอดเงินนั้นให้งอกเงย เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่สูงขึ้นไปอีก โดยหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการต่อยอดเงินล้านก็คือ “การลงทุน” ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ ตราสารหนี้ กองทุนรวม กองทุนตราสารหนี้ หรืออสังหาริมทรัพย์ ก็ตาม
จะเห็นได้ว่า เราสามารถต่อยอดเงินล้านที่มีให้งอกเงยได้ด้วยการลงทุนหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้เงินล้านที่มีนั้นมีอัตราเติบโตของเงินมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญคือ สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากแค่ไหนด้วย ส่วนการจะเลือกลงทุนอย่างไรนั้น อันดับแรกเราจะต้องศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ละเอียดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
หากต้องการผลตอบแทนสูง ๆ เงินเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยอมรับความเสี่ยงได้สูง ก็ให้เลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงได้ แต่หากต้องการรักษาเงินต้นให้คงอยู่ ก็ควรเลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนไปทางต่ำ ทีนี้ลองไปดูรายละเอียดของการลงทุนทั้ง 2 รูปแบบความเสี่ยงนี้กันต่อเลยว่า มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
ผลตอบแทนสูง โตเร็ว เลือกความเสี่ยงสูง
ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่า
เงิน 1 ล้าน ลงทุนอะไรดี สิ่งที่ควรทำความเข้าใจในการลงทุนคือ รูปแบบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการลงทุน โดยความเสี่ยงดังกล่าวประกอบด้วย
1. ความเสี่ยงด้านความผันผวน (Volatility Risk)
คือ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากความผันผวนด้านราคาของตลาดการลงทุน ซึ่งโดยส่วนใหญ่คนจะให้ความสำคัญกับความเสี่ยงนี้ เป็นความเสี่ยงที่รู้จักกันดีในโลกทางการเงิน หากต้องการอัตราผลตอบแทนสูงก็จะต้องเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย แต่หากการลงทุนนั้นไม่เป็นไปตามแผน ก็ทำให้มีโอกาสที่เงินต้นลดน้อยลงได้
2. ความเสี่ยงขาดแคลน (Shortfall Risk)
ไคือ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากการลงทุนของเรามีความเสี่ยงที่น้อยเกินไป เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่ได้อาจจะน้อยเกินกว่าจะไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เช่น มีความเสี่ยงที่การเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณจะไม่เพียงพอ คนส่วนใหญ่มักลืมนึกถึงความเสี่ยงนี้ไป รู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปเสียแล้ว
สาเหตุที่ต้องพูดถึงความเสี่ยงทั้ง 2 รูปแบบข้างต้น เพราะต้องการจะเน้นย้ำให้เห็นว่า หากต้องการผลตอบแทนสูง เติบโตเร็ว ก็ควรเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงความผันผวนสูง เพราะมีโอกาสที่จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูงตามไปด้วย โดยการลงทุนในลักษณะนี้มักจะเน้นการลงทุนไปที่หุ้น กองทุนทางเลือก หรือกองทุนผสมที่มีความเสี่ยงสูง มีโอกาสสูญเสียเงินต้นได้ แต่มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วย ซึ่งข้อดีของแต่ละรูปแบบการลงทุนก็คือ
- ลงทุนในหุ้น มีข้อดีคือ มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูง เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง หุ้นบางตัวมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 10-15 % ซึ่งสามารถเอาชนะเงินเฟ้อในอนาคตได้ ที่สำคัญหุ้นที่ดีจะมีสภาพคล่องสูง ซื้อง่ายขายคล่อง หรือจะเก็บสะสมไว้เพื่อการลงทุนระยะยาวก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
- ลงทุนในกองทุนทางเลือก มีข้อดีคือ มีตัวเลือกการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น ที่สำคัญคือมีผู้จัดการกองทุนที่เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญกว่าคอยดูแลการลงทุนให้ ทำให้คนที่มีความรู้ทางด้านการเงินการลงทุนในระดับปานกลางก็สามารถเข้ามาต่อยอดเงินล้านของตนเองได้
- ลงทุนในกองทุนผสม มีข้อดีคือ โอกาสการลงทุนที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้ เนื่องจากกองทุนผสมเป็นการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น ทองคำ ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีทั้งความเสี่ยงสูงและต่ำควบคู่กัน อีกทั้งกองทุนรวมผสมยังมีการปรับสัดส่วนการลงทุนตามสภาวะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลาด้วย ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของเหตุการณ์เงินต้นหายกำไรหดได้เป็นอย่างดี
เน้นมั่นคง เติบโตเรื่อย ๆ รักษาเงินต้น เลือกความเสี่ยงต่ำ
อีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่ผู้คนนิยมลงทุน คือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีโอกาสต่ำ ผลตอบแทนไม่หวือหวา การลงทุนในลักษณะนี้มักจะเน้นลงทุนกับเงินฝาก ตราสารหนี้ ตราสารเงิน กองทุนตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ สามารถให้ผลตอบแทนได้ดีในระดับหนึ่ง เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงด้านความผันผวนต่ำ แต่มีความเสี่ยงขาดแคลนสูง กล่าวคือ ในท้ายที่สุดอาจจะไม่สามารถไปถึงเป้าหมายของการ
เก็บเงินเกษียณได้ตามที่หวังไว้ หากเป้าหมายนั้นสูงเกินไป หรือจำเป็นต้องเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนให้มากขึ้น
แต่ทั้งนี้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจและนิยมลงทุนประเภทนี้ เพราะไม่ต้องมานั่งกังวล เครียด หรือกดดันมากจนเกินไปนัก กับจำนวนเงินต้นที่อาจจะหายวับไปหากนำไปลงทุนในตัวเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งหากถามว่ามีเงินล้านลงทุนอะไรดีในกลุ่มสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ก็ต้องบอกว่ามีสินทรัพย์ และประเภทการลงทุนให้เลือกได้หลากหลายไม่ต่างกับระดับความเสี่ยงอื่น ๆ เลย
ต่อยอดเงินล้านด้วยกองทุนรวม ทางเลือกที่น่าสนใจ
เมื่อทราบกันแล้วว่าการลงทุนนั้นมีทั้งความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ ข้อดีข้อเสียเป็นอย่างไร ทีนี้เราจะพาไปรู้จักกับกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ ตามระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ เพื่อให้คุณมีตัวเลือกการลงทุนมากขึ้น และตอบโจทย์ข้อสงสัยที่ว่า มีเงิน 1 ล้านลงทุนอะไรดี
1. กองทุนตราสารหนี้ที่มีกำหนดระยะเวลา (Term Fund)
กองทุน Term Fund คือ กองทุนตราสารหนี้ที่มีกำหนดระยะเวลาลงทุนไว้ เช่น 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 1 ปี มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าการฝากประจำ ในขณะที่ความเสี่ยงยังคงอยู่ในระดับต่ำ และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาลงทุน กองทุน Term Fund จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ หรือหากต้องการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องมากกว่าขอแนะนำ
กองทุนเปิดกรุงศรีสมาร์ทตราสารหนี้-สะสมมูลค่า (KFSMART-A) เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ทั้งของภาครัฐและเอกชน และเลือกลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ระดับความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับความเสี่ยง 4 ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ
2. กองทุนแบบเสี่ยงปานกลาง
ต่อยอดเงินล้านสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผ่านตัวเลือกกองทุนรวมกรุงศรี The One กองทุนรวมผสมระดับความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง ในระดับ 5 ที่จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนผ่านสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก เน้นการบริหารพอร์ตแบบเชิงรุกเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ซึ่งออกแบบกองทุนมาให้เลือกถึง 3 สไตล์ คือ
กองทุนเปิดกรุงศรี The One Mild (KF1MILD-A) เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ชนะเงินเฟ้อ ลงทุนในตราสารหนี้ 60-85% และที่เหลือจะลงทุนในหุ้น สินทรัพย์ทางเลือก และอื่น ๆ
กองทุนเปิดกรุงศรี The One Mean (KF1MEAN-A) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการให้เงินเติบโต ผ่านการลงทุนระยะยาว ลงทุนในตราสารหนี้ 35-65% และที่เหลือจะลงทุนในหุ้น สินทรัพย์ทางเลือก และอื่น ๆ
กองทุนเปิดกรุงศรี The One Max (KF1MAX-A) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงสุด และสามารถรับความผันผวนได้ ลงทุนในตราสารหนี้ 15-40% และที่เหลือจะลงทุนในหุ้น สินทรัพย์ทางเลือก และอื่น ๆ
3. กองทุนแบบเสี่ยงสูง
และสำหรับคนที่สงสัยว่า มีเงิน 1 ล้านลงทุนอะไรดี ที่อัตราผลตอบแทนจะงอกเงยตอบสนองต่อล้านที่ 2 ที่ 3 ได้ไว หากรับความเสี่ยงสูงได้ คุณเหมาะสมกับการลงทุนกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง คือ
กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้-สะสมมูลค่า (KFGBRAND-A) เป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวมที่มีชื่อว่า “Morgan Stanley investment fund-Global Brands fund (Class Z)” เป็นหลัก โดยกองทุนหลักนี้จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักทั่วโลก กองทุนนี้ป้องกันความเสี่ยงด้วยอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน มีระดับความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 6 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูง
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ คงจะพอจะทำให้คุณเห็นภาพกันมากขึ้นว่า หากมีเงินล้านลงทุนอะไรดี เพื่อช่วยต่อยอดเงินล้านนั้นให้งอกเงย ซึ่งก็มีด้วยกันหลากหลายวิธี การจะตัดสินใจลงทุนในรูปแบบใดนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ ต้องมีความเข้าใจการลงทุนของตนเองว่า สามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน เข้าใจสินทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุน แม้จะเป็นกองทุนรวมก็ตาม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าตลอดระยะเวลาของการลงทุน จะลงทุนได้อย่างสบายใจ เข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น สามารถปรับพอร์ตตามได้ และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างที่ตั้งใจ
สำหรับใครก็ตามที่สนใจต่อยอดเงินล้านของตนเอง แต่ยังไม่มั่นใจว่ามีเงินล้านลงทุนอะไรดี ก็สามารถขอรับการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนเกษียณ การเงิน และการลงทุนโดยเฉพาะของ KRUNGSRI PRIME ได้ที่ช่องทางฮอตไลน์ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 น.-17.00 น. หรือ
ฝากข้อมูล เพื่อให้ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจาก KRUNGSRI PRIME ติดต่อกลับได้เช่นเดียวกัน รับรองว่าจะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการลงทุนต่อยอดเงินล้านอย่างแน่นอน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- กองทุน KFSMART-A อาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-investment grade) หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Bond) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนบางส่วนหรือทั้งจำนวนได้ และในการขายคืนหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในโครงการ
- กองทุน KF1MILD-A, KF1MEAN-A, KF1MAX-A KFGBRAND-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้