ประกันชีวิตแบบบำนาญมีข้อดีอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง?

หากพูดถึงรูปแบบประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันนี้ ประกันชีวิตแบบบำนาญ คือหนึ่งในรูปแบบประกันที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย เนื่องจากค่านิยมการเกษียณงานที่ไวขึ้นกว่าปกติของคนรุ่นใหม่ และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้การวางแผนชีวิตหลังช่วงอายุ 55-60 ปีกลายเป็นเรื่องสำคัญและละเลยไม่ได้

แต่รู้หรือไม่ว่าการทำประกันชีวิตแบบบำนาญนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว โดยไม่จำเป็นต้องทำในตอนอายุเยอะเท่านั้น เพราะการทำตั้งแต่อายุน้อย ๆ จะยิ่งเป็นผลดีและคุ้มค่ายิ่งกว่า โดยหากคุณอยากรู้ว่าประกันชีวิตแบบบำนาญนั้นมีข้อดีอย่างไร และเหมาะกับใคร บทความนี้มีคำตอบให้คุณ ประกันชีวิตแบบบำนาญ คือประกันที่การันตีได้ว่าเมื่อเกษียณอายุแล้ว คุณจะมีเงินใช้ในบั้นปลายชีวิตแน่นอน เนื่องจากประกันรูปแบบนี้เป็นการออมเงินระยะยาวซึ่งจะให้ความคุ้มครองชีวิต และมีการจ่ายผลประโยชน์เมื่อเกษียณอายุเป็นรายงวดเท่า ๆ กัน เมื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัยครบแล้ว คุณจึงจะได้รับผลประโยชน์อย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ จึงเป็นประกันที่เหมาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเริ่มแก่ตัวลง เข้าสู่วัยเกษียณและมีความสามารถในการหาเงินไม่สม่ำเสมอเท่าเดิม ไปจนถึงเมื่อต้องการพักผ่อนอย่างสบายใจหลังจากทำงานมานาน   การทำประกันชีวิตแบบบำนาญมีข้อดีที่ชัดเจน 3 ข้อด้วยกัน
 

1. เบาใจได้หลังวัยเกษียณอายุ

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสำหรับประเทศไทยเริ่มต้นเมื่อมีอายุ 60 ปี โดยจะได้รับเบี้ยยังชีพ 600 บาทต่อเดือน และเพิ่มขึ้นตามลำดับทุก ๆ 10 ปี โดยเมื่ออายุ 90 ปีขึ้นไปจะได้รับเงิน 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละเดือน แต่หากคุณเลือกทำประกันชีวิตแบบบำนาญจะทำให้คุณได้รับประโยชน์หลักคือ การสร้างหลักประกันรายได้ของผู้เอาประกันภัยหลังเกษียณอายุงาน โดยจะได้รับผลประโยชน์จ่ายเป็นรายเดือน หรือรายปีอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ นอกจากนั้นประกันชีวิตแบบบำนาญบางประเภทยังสามารถซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมได้
 

2. สามารถลดหย่อนภาษีได้

การทำประกันชีวิตแบบบำนาญจะสามารถใช้หักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี ซึ่งหากไม่ได้ซื้อประกันชีวิตแบบทั่วไปก็สามารถซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญได้สูงสุด 300,000 บาทเลยทีเดียว
 

3. เป็นหลักประกันให้คนข้างหลัง

หากเสียชีวิตก่อนรับผลประโยชน์จากประกันชีวิตแบบบำนาญ ทางประกันก็จะชดเชยกลับไปให้ทางครอบครัว โดยขึ้นอยู่กับแบบประกันและเงื่อนไขที่คุณได้ซื้อไว้ เช่น กรุงศรีประกันบำนาญ แฮปปี้ รีไทร์ สามารถเลือกชำระเบี้ยแบบ ครั้งเดียว, 5 ปี, 10 ปี หรือถึงอายุ 60 ปี
   

1. เหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการซื้อประกันเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี

เนื่องจากการทำประกันชีวิตแบบบำนาญจะสามารถใช้หักลดหย่อนภาษีได้อัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งสูงกว่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปที่สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท และถ้าเลือกทำประกันแบบบำนาญรวมกับประกันชีวิตทั่วไปแล้วล่ะก็ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาทเลยทีเดียว
 

2. เหมาะกับกลุ่มที่ไม่ได้ลงทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Provident Fund เป็นกองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างจัดทำกันโดยสมัครใจ ที่กฎหมายกำหนดให้มีการสะสมตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน ซึ่งจะทำให้ลูกจ้างมีเงินก้อนสำหรับเกษียณอายุ ซึ่งบริษัทก็ไม่ได้มีการรับรองกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ดังนั้นการหาหลักประกันอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อรองรับการเกษียณของตัวเองอย่างประกันชีวิตแบบบำนาญจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมไม่น้อย
 

3. เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหลักประกันอย่างยั่งยืน

ประกันชีวิตแบบบำนาญไม่ได้เหมาะแค่สำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น คนรุ่นใหม่ก็สามารถซื้อประกันบำนาญได้ เพราะอายุยังน้อยค่าเบี้ยประกันก็ต่ำกว่าทำตอนอายุมาก รวมถึงทำให้จ่ายเบี้ยประกันได้เยอะ และทำให้ได้ผลประโยชน์ในช่วงเกษียณเยอะขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังเป็นหลักประกันในชีวิต และมีเงินบำนาญใช้แน่นอนเมื่อยามเกษียณ ทำให้วางแผนเกษียณระยะยาวได้อย่างสบายใจ

สรุป
ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันชีวิตอีกประเภทหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับคนที่อยากสร้างความมั่นคงหลังเกษียณอายุการทำงาน เป็นการรับประกันรายได้ว่าคุณจะมีเงินใช้แน่นอน และในกรณีที่อยู่ไม่ครบกำหนดอายุสัญญาก็มีเงินบางส่วนที่สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานได้ และการทำประกันชีวิตแบบบำนาญยังช่วยให้คุณวางแผนเกษียณได้อย่างมีคุณภาพอีกด้วย

หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือต้องการวางแผนชีวิตหลังเกษียณด้วยการทำประกันชีวิตอย่างเป็นระบบ และได้รับความคุ้มครอง รวมถึงผลประโยชน์ที่คุ้มค่าที่สุด สามารถติดต่อทีมที่ปรึกษาด้านการลงทุน ผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น.- 17.00 น.