Rude boy, What’s my name, Diamond ผลงานเหล่านี้คือ ชื่อเพลงสร้างตำนานของนักร้องสาวชื่อดัง ที่ยุคหนึ่งไม่มีใครไม่รู้จักเธอ นั่นคือ
Robyn Rihanna Fenty หรือ
Rihanna ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันเธอจะเกษียณตัวเองจากวงการศิลปิน ผันตัวมาอยู่หน้าเชลฟ์ขายเครื่องสำอางไปแล้ว แต่เธอก็ยังสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการทำแบรนด์เครื่องสำอาง FENTY BEAUTY จนกลายเป็นเศรษฐินีแห่งวงการเพลง โดยถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีผลงานเพลงเป็นของตัวเองเลยมาเป็นเวลาหลายปี
ด้วยคุณภาพของเครื่องสำอางบวกกับการทำแคมเปญการตลาดสุดเจ๋งของรีฮันน่า ทำให้ FENTY BEAUTY ยึดครองพื้นที่บนโต๊ะเครื่องสำอางของคุณผู้หญิงได้อย่างรวดเร็ว และสามารถขยายตลาดไปได้เกือบทั่วทุกประเทศ จนกลายเป็นแบรนด์ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะนอกจากมาตรฐานของสินค้าที่สร้างจุดขายให้ตัวเองแล้ว เจ้าของแบรนด์อย่างรีฮันน่าเองก็มีการทำการตลาด สร้างจุดขายให้แบรนด์ผ่านการสร้าง Personal Branding ซึ่ง Krungsri The COACH ก็ได้สรุปจุดเด่นของการทำการตลาดรูปแบบนี้ไว้แล้ว พร้อมทริกการสร้าง Personal Branding ที่แบรนด์ทั่วไปก็สามารถสร้างภาพจำของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับวงกว้างได้เช่นกัน มาดูและนำไปปรับใช้กันได้เลย
“รีฮันน่า” เด็กสาวผิวสีที่เกิดมาพร้อมกับเส้นเสียงระดับ Diamond
ขอบคุณรูปภาพจาก IG : badgalriri
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 ครอบครัว Fenty ได้ให้กำเนิดเด็กสาวที่มีน่าตาน่ารัก พวกเขาตั้งชื่อเธอว่า Robyn Rihanna Fenty หรือ “รีฮันน่า” เธอใช้ชีวิตวัยเด็กกับครอบครัวที่ประเทศบาร์เบโดส จนกระทั่งในปี 2003 เสียงเพลงของเธอได้เข้าไปเตะหูของ อีวาน โรเจอร์ส (Evan Rogers) โปรดิวเซอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งแนะนำให้รีฮันน่าย้ายไปสหรัฐอเมริกาเพื่อตามหาความฝันในวงการดนตรี และเปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอให้กลายเป็นศิลปินที่ทุกคนรู้จักอย่างในปัจจุบัน
รีฮันน่าเคยเล่าไว้ว่า ในวัยเด็กเธอไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงทั่วไปที่มีแพสชั่นกับการแต่งหน้า ทาลิปสติก เมื่อโตขึ้นเธอก็ศึกษาผลิตภัณฑ์ความงามมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยการแต่งหน้าก็เป็นวิธีที่เธอใช้ในการแสดงออกถึงตัวตน สิ่งที่เธอคิด รวมไปถึงจุดยืนของเธอเอง นอกจากนี้ การแต่งหน้าทำให้เธอรู้สึกสวย มั่นใจ กล้าหาญขึ้น และส่งผลให้เธอกลายเป็นไอคอนนิกของคนที่มีความมั่นใจ เปรี้ยว เก๋ มาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยพื้นฐานของความรักสวยรักงามตั้งแต่วัยเด็ก ผสมกับการเป็นเด็กผู้หญิงที่มีจุดยืนอย่างชัดเจน เป็นส่วนหนึ่งให้เธอก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอางที่ต่อมาฮอตฮิตติดเทรนด์ไปเกือบทั่วโลกอย่าง FENTY BEAUTY ประสบความสำเร็จจนสร้างยอดขายรวม 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
FENTY BEAUTY อาวุธที่ Work ที่สุดของรีฮันน่า
FENTY BEAUTY ก่อตั้งในปี 2014 และเริ่มต้นวางขายผลิตภัณฑ์ในปี 2017 โดยเกิดจากไอเดียของรีฮันน่าซึ่งอยากให้มีเครื่องสำอางที่สามารถใช้ได้กับคนที่มีสีผิวหลากหลาย โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉดผิวมาตรฐาน และมีการเปิดตัวสโลแกนของแบรนด์ว่า
“Beauty For All” เป็นจุดยืนที่หนักแน่น ทำให้เห็นว่าเธอไม่ได้สร้าง FENTY BEAUTY เพื่อมาขายคนเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และหลังจากนั้นรีฮันน่าได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเครื่องสำอางด้วยการคลอดโปรดักต์รองพื้น FENTY BEAUTY: PRO FILT'R SOFT MATTE LONGWEAR FOUNDATION รองพื้นที่ไม่ได้มีแค่ 3 เฉด แต่มีมากถึง 50 เฉด เรียกได้ว่าทุกคนสามารถใช้รองพื้นตัวนี้ได้เลยไม่ว่าจะสีผิวอะไร พร้อมกันนี้รองพื้นดังกล่าวยังเปิดตัวผ่านคอนเซปต์ภาพโฆษณาด้วยนางแบบที่มีหลากหลายสีผิว แหกออกจากขนบแบรนด์เครื่องสำอางในเวลานั้นมาก ๆ ทำให้กระแสของ FENTY BEAUTY โหมดังขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
ความตั้งใจจริงของรีฮันน่าที่จะใช้เครื่องสำอางเป็นอาวุธแสดงจุดยืนถึงความหลากหลาย ยังไม่ได้หมดเท่านี้ ภายหลังจากที่แบรนด์เครื่องสำอาง FENTY BEAUTY ได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาดจากบรรดาผู้ใช้ จนกวาดยอดขายไปได้ราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ไม่กี่สัปดาห์แรกที่สินค้าออกจำหน่าย ต่อมาในปี 2018 รีฮันน่าได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ชุดชั้นใน SAVAGE X FENTY ซึ่งยังคงคอนเซปต์สินค้าเพื่อความหลากหลายเหมือนเดิม โดยเป็นผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในสำหรับทุกรูปร่างและเพศสภาพ สะท้อนจุดยืน Beauty For All อย่างแท้ทรู ซึ่งเป็นสิ่งที่รีฮันน่าพยายามพูดถึงอยู่ตลอดในระหว่างที่ทำแบรนด์ FENTY BEAUTY
Personal Branding คืออะไร
Personal Branding คือ ภาพลักษณะของบุคคล องค์กร หรือแบรนด์ ที่มีการสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้บริโภคได้จดจำผ่านการสื่อสาร การตลาด และการปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์ให้ความสำคัญ เนื่องจากตัวตนของแบรนด์ มีผลต่อการโน้มน้าวและทำให้กลุ่มเป้าหมายมาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ พูดง่าย ๆ ก็คือหากลูกค้าต้องการซื้อของสักชิ้นหนึ่ง ก็ย่อมเลือกสินค้าที่เขารู้จักตัวตนของผลิตภัณฑ์มากกว่าสินค้าที่เขาไม่รู้จัก
การสร้าง Personal Branding ดีอย่างไร
ธุรกิจที่มีการสร้าง Personal Branding นั้น จะสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดได้ ดังนี้
สร้างความแตกต่าง
ลูกค้าจะเข้าใจในตัวแบรนด์ของเรามากขึ้นและสามารถนึกถึงความแตกต่างระหว่างแบรนด์เรากับคู่แข่งได้ ทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเลือกซื้อของจากเรามากยิ่งขึ้น
สร้างความน่าเชื่อถือ
เมื่อมีคนได้เห็นตัวตนของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลผลิตภัณฑ์ วิสัยทัศน์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งที่จะมอบให้กับลูกค้า ก็ย่อมทำให้ลูกค้าเชื่อถือในตัวแบรนด์มากยิ่งขึ้น
สร้างความผูกพัน
การแบ่งปันเรื่องราวของแบรนด์ไปสู่ผู้บริโภค จะทำให้ผู้บริโภคได้เห็นว่าแบรนด์กำลังทำอะไร ซึ่งหากเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาก็จะทำให้เกิดความผูกพันและอยากเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์อีกด้วย
เพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์
ทำให้ผู้บริโภคได้มองเห็นที่มาที่ไปเรื่องราวของแบรนด์เรา และยอมจ่ายเงินที่มากขึ้นตามคุณค่าที่เรามอบให้ได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าข้อดีของการสร้าง Personal Branding นั้นมีอยู่มาก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่สามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระยะยาวได้
สูตรการใช้ Personal Branding ของรีฮันน่า เพราะความสวยไม่ได้มีแค่เฉดเดียว
หากเราสังเกตจะเห็นได้ว่ารีฮันน่า ใช้กลยุทธ์ Personal Branding ผ่านแคมเปญโฆษณาต่าง ๆ ของสินค้าในเครือ FENTY BEAUTY มาโดยตลอด ซึ่งทำให้คนสามารถรู้จักและสนใจแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น โดย Key Message ที่ว่า Beauty For All ช่วยสะท้อนให้เห็นตัวรีฮันน่าเองที่เป็นผู้หญิงผิวสี และอาจจะไม่ได้ตรงขนบความงามของเทรนด์ในยุคสมัยก่อน แต่ก็สามารถเพิ่มความงามให้กับตัวเองได้ผ่าน FENTY BEAUTY และเธอไม่ได้ใช้สโลแกนนี้เพื่อการโฆษณาสินค้าเท่านั้น แต่สิ่งนี้คือจุดยืนของแบรนด์ และเป็นวัฒนธรรมที่รับรู้ร่วมกันว่า ความสวยงามไม่ได้มีแค่แบบเดียว คนรูปร่างไม่ดี ก็สามารถหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับตัวเองได้ หรือคนผิวสีก็สามารถเสริมความมั่นใจให้กับตัวเองด้วยเครื่องสำอางที่มีสีสันหลากหลายได้เช่นกัน จึงกล่าวได้ว่า ด้วยสโลแกนนี้เองที่เชื่อมโยงตัวเธอเองกับแบรนด์ เป็นการสร้าง Personal Branding ได้อย่างชัดเจน
การทำ Personal Branding อาจจะฟังดูเป็นเรื่องง่ายดาย เพียงแค่ทำตัวเองให้มีชื่อเสียง ก็สามารถ
นำพาแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้แล้ว แต่ในความเป็นจริง การทำ Personal Branding ให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนต้องมีองค์ประกอบที่หลากหลาย หากใครที่มีแบรนด์และอยากทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักแพร่หลายเช่นเดียวกับ FENTY BEAUTY ลองศึกษาได้จากหัวข้อข้างล่างได้เลย
มารู้จักกับ 5 ทริกการสร้าง Personal Branding ให้แข็งแกร่ง
หากเราต้องการสร้าง Personal Branding ของแบรนด์เราให้ลูกค้าจดจำได้ จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
1. กำหนดเอกลักษณ์แบรนด์ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ก่อนอื่นเราต้องรู้จุดแข็งของตัวเราก่อน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด ตัวอย่างเช่น รีฮันน่าที่เป็นไอคอนนิกในเรื่องของความมั่นใจ โดยเธอเองก็พยายามจูงใจคนด้วยการสื่อให้เห็นว่า FENTY BEAUTY สามารถเป็นตัวช่วยสร้างความมั่นใจ แม้ว่าแต่ละคนจะมีความงามที่หลากหลาย แตกต่างกันไป
2. Storytelling น่าสนใจ
คอยแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจและบ่งบอกถึงจุดยืนแนวคิดของตัวเอง เพื่อทำให้ทุกคนรู้จักตัวตนของเรามากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น รีฮันน่าจะพยายามแสดงจุดยืนเรื่องความมั่นใจ เชื่อมั่นในความสวยของตัวเองผ่านคำพูด ความคิด หรือแม้แต่เครื่องแต่งกาย ซึ่งจะแตกต่างจากแบรนด์เครื่องสำอางแบรนด์อื่น ๆ
3. เพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงแบรนด์ด้วยสื่อออนไลน์
สร้างโปรไฟล์ในโซเชียลมีเดียหลาย ๆ ช่องทาง เช่น การสร้าง LinkedIn ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการสร้างตัวตนอย่างมืออาชีพ รวมถึง Tiktok IG YouTube และ Facebook เพื่อแสดงให้คนเห็นถึงความคิด ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ซึ่งเราสามารถเปิดช่องทางการสื่อสารของตัวเองให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้เช่นกัน
4. สร้างมูลค่าให้แบรนด์ สร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมาย
คอยให้ความรู้ต่าง ๆ กับผู้ติดตาม โดยเฉพาะในสิ่งที่เชี่ยวชาญหรืองานที่เรากำลังทำอยู่ เพื่อทำให้คนได้เห็นศักยภาพและวิธีคิดในการทำงานของเรา เช่น ใน Tiktok ของ @ney.jakchai นักออกแบบโลโก้จะมีการเล่าขั้นตอนและวิธีคิดในการออกแบบจาก Brief ของลูกค้า หรือแม้แต่รีฮันน่าเองก็มักจะโชว์ทักษะการแต่งหน้าของเธอด้วยเครื่องสำอางของ FENTY BEAUTY ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ
5. มีความจริงใจ
ช่วยทำให้สร้างภาพลักษณ์ส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับแบรนด์ได้ง่าย และทำให้คนเชื่อถือเราได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย เช่น รีฮันน่าจะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดและมีจุดยืนเรื่องความหลากหลายอยู่เสมอ ถึงแม้เธอจะเป็นสาวผิวสี แต่ก็สร้างความโดดเด่นในสังคมได้เหมือนกัน และด้วยตัวโปรดักต์เองที่ราคาไม่ได้สูงมากจนเกินไป ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเธอที่อยากให้โปรดักต์ของแบรนด์ไปสู่กลุ่มคนที่หลากหลายจริง ๆ ไม่ใช่เอาแต่กำไร
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดมาจากการสร้าง Personal Branding ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากเราวางแผนและสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสม ก็สามารถสร้าง Personal Branding ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองและมีความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างไม่ยาก และแม้ว่าการทำ Personal Branding จะช่วยให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักได้มากขึ้น แต่การมีเงินทุนสำหรับหมุนเวียนธุรกิจก็จะช่วยให้การดำเนินการธุรกิจไปได้ไกลมากขึ้น หากธุรกิจของคุณต้องการเงินก้อน สามารถขอสินเชื่อเพื่อสร้างธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีได้ ศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้ที่
สินเชื่อธุรกิจ Quick Loan วงเงินสูง เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ
อ้างอิง