มีเงิน 1,000 ลงทุนอะไรดี?
อยากลงทุน แต่ไม่มีเงินก้อนใหญ่ ไม่ใช่ปัญหา…รู้หรือไม่ว่า เราสามารถวางแผนสร้างเงินให้งอกเงย ด้วยเงินเริ่มต้นที่ 1,000 บาทเท่านั้น โดยใช้วิธีลงทุนผ่าน “
กองทุนรวม”
(อาจมีจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อยหรือมากกว่านี้ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนและเงื่อนไขการลงทุนของแต่ละกองทุน)
แล้วเงิน 1,000 จะเป็นบันไดพาเราไปสู่ความร่ำรวยได้จริงหรือ ?
มาลองดูกันว่า ถ้าเราลงทุนผ่านกองทุนรวม 1,000 บาท เป็นประจำทุกเดือน ผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร ?
ที่มา: http://www.yourwealthcome.co.th
ใช้วิธี DCA เพื่อให้เงินเติบโต
จากภาพ จะเห็นว่า ถ้าเรานำเงิน 1,000 บาทไปลงทุนในกองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม หรือกองทุนหุ้น ลงทุนต่อเนื่องทุกเดือน ตามระยะเวลา 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี เราจะมีโอกาสมีเงินก้อนโตในอนาคตได้แบบสบายๆ
วิธีการลงทุน 1,000 บาทแบบต่อเนื่องทุกเดือนแบบนี้ เรียกว่า วิธี DCA (Dollar Cost Average) คือ การลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กัน ในช่วงเวลาเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ โดยอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ ก็จะแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงของแต่ละกองทุน นโยบายการลงทุน สภาวะตลาดในช่วงนั้นๆ และระยะเวลาในการลงทุน
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงนะครับ
ก่อนอื่น เราต้องรู้ระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ก่อน ซึ่งเราสามารถทำแบบทดสอบกับทาง บลจ.ที่ทำหน้าซื้อขายกองทุนให้เราได้โดยตรง เพื่อที่จะได้วางแผนลงทุนอย่างเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด ที่สำคัญ ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ
ลงทุน 1,000 บาทไปพร้อมกับได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี
ถ้าเราเป็นคนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ด้านภาษี อาจจะเลือกกองทุนที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อย่าง LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว) ที่เน้นการลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65% โดยมีการถือครองไว้ 7 ปีปฏิทิน หรือ RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) ที่มีสินทรัพย์มากมายให้เลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แต่มีเงื่อนไขต้องถือครองไว้จนอายุ 55 ปี ซึ่งการลงทุนในกองทุนทั้งสองประเภทนี้ ต้องไม่เกิน 15% ของรายได้ต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
ที่มา: เพจ TAXbugnoms
ดังนั้น หากถามว่า มีเงิน 1,000 บาทแล้วควรจะลงทุนกองทุนอย่างไรดี ก็ต้องถามตัวเองก่อนว่า
1. เงิน 1,000 บาทที่จะลงทุน จะมีเข้ามาสม่ำเสมอทุกเดือน และจะเพิ่มขึ้นหรือไม่
2. อะไรคือสิ่งที่เราต้องการจากการลงทุน ? เป้าหมาย จำนวนเงิน หรือระยะเวลาในการลงทุนเป็นอย่างไร
3. เรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และเราต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วยหรือไม่
การตอบคำถามทั้ง 3 ข้อนี้คือสิ่งที่จะกำหนดชี้ชัดได้ว่า เราควรจะเลือกลงทุนอย่างไร
ถ้าหากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องเสียภาษี มีเงิน 1,000 บาทต่อเดือน และต้องการลงทุนระยะยาวสักก้อนหนึ่ง LTF อาจจะเป็นคำตอบที่ดี แต่ถ้าหากต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณและสร้างวินัย อาจจะเปลี่ยนใจมาเลือก RMF ก็ได้
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญ คือ การไม่ทำผิดเงื่อนไข ขายก่อนครบกำหนด ดังนั้น ควรใส่ใจเรื่องของการบริหารจัดการกระแสเงินสดของตัวเองให้ดีด้วยนะครับ
การลงทุนในกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอโดยมีการวางแผนการลงทุนที่เหมาะสม นับเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต โดยอนาคตที่ว่านี้จะสำเร็จได้ด้วยการสร้างวินัย อดทนรอเวลาเพื่อลงทุนอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการเลือกกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนในกองทุนรวมของเรานี้เป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จในที่สุด แต่ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การลงทุนในกองทุนรวมแต่ละประเภทมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป จึงควรทำความเข้าใจเงื่อนไขและรายละเอียดของการลงทุนแต่ละประเภทก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ