EV CAR เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเปลี่ยนโฉมการขับขี่ในไทย

โดย สิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน
01 พฤศจิกายน 2566
EV CAR รถยนต์แห่งอนาคตที่น่าใช้งาน
รถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ยังเป็นเทรนด์ที่มาแรงและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย แม้ช่วงหลังตลาดรถยนต์จะหดตัวลง จากปัญหาเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนที่เข้ามาฉุดตลาด แต่ EV Car ก็ยังไปได้เรื่อย ๆ และมีคนรุ่นใหม่เปิดตัวมากขึ้น บนท้องถนนของไทย เราจะเห็นแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Tesla, BYD, MG, ORA Good Cat, และ NETA เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ: “จะเป็นไปได้ไหมที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแทนที่รถยนต์สันดาปในอนาคต?” และรถรุ่นไหนจะเหมาะกับการใช้งานของเรา มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
 

EV CAR คืออะไร? ทำไมถึงได้รับความสนใจ

EV Car (Electric Vehicle) คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยไม่ใช้เชื้อเพลิงประเภทน้ำมันหรือแก๊สในกระบวนการขับขี่ แม้ว่าในรถ EV จะไม่มีเครื่องยนต์แบบรถยนต์สันดาป แต่จะมีส่วนประกอบหลัก ๆ เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ และหม้อแปลง ซึ่งทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าให้สามารถขับเคลื่อนรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD, NETA, GWM จากประเทศจีน และแบรนด์ยุโรปอย่าง BMW, Audi, Mercedes-Benz และ Volvo ได้เริ่มเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ในไทย โดยมุ่งเน้นการทำตลาดทั้งในกลุ่มรถระดับราคาประหยัดและระดับพรีเมียม ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของตลาด EV ในไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยให้คาดการณ์ได้ว่าในอนาคตโอกาสที่รถ EV จะมาปฏิวัติวงการรถยนต์ในประเทศไทยมีสูงมาก
 
ข้อแตกต่างของรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า
 

EV Car จะมาแทนที่รถยนต์สันดาปได้จริงหรือ?

คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจสำหรับหลายคน โดยเฉพาะในแง่ของเทคโนโลยีและความยั่งยืนจากการลดมลพิษโลก ถ้ามองตามกระแสโลกและการพัฒนาในหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ที่มีแผนห้ามการจำหน่ายรถยนต์สันดาปภายในปี 2025 ก็สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการขับเคลื่อนของโลกที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม

ในประเทศไทยเองภาครัฐและภาคเอกชนต่างก็มีการสนับสนุนเทคโนโลยี EV อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการคาดการณ์ว่าในอนาคต EV จะมีบทบาทสำคัญในการทดแทนรถยนต์สันดาปได้ แต่จะมากกว่ารถยนต์สันดาปหรือไม่ต้องติดตามต่อไป
 

เปรียบเทียบ EV กับรถยนต์สันดาป สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เรามาเปรียบเทียบสมรรถนะของรถยนต์ทั้ง 2 ประเภทนี้กันว่า เหมือนหรือต่างกันอย่างไร คุ้มค่าไหมที่จะเปลี่ยน เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นก่อนตัดสินใจ
 

1. ด้านประหยัดพลังงาน

  • EV : ต้นทุนในการชาร์จไฟฟ้าถูกกว่าการเติมน้ำมันอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้านได้ และมีค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า
  • รถสันดาป : ต้นทุนการเติมน้ำมันสูงกว่า ตามราคาน้ำมันที่ผันผวน
 

2. ด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • EV : ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ไม่มีการเผาไหม้ จึงไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  • รถสันดาป : มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศ
 

3. ด้านสมรรถนะการขับขี่

  • EV : การเร่งความเร็วทันใจ การขับขี่เงียบและมีประสิทธิภาพ
  • รถสันดาป : เสียงเครื่องยนต์และการตอบสนองจากการขับขี่ที่สนุกและเร้าใจกว่า EV
 

4. ด้านการซ่อมบำรุง

  • EV : อะไหล่และชิ้นส่วนของรถ EV อาจมีราคาสูง แต่เนื่องจากรถ EV มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวจำกัด จึงมีการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาป
  • รถสันดาป : มีการบำรุงรักษาและสามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้บ่อยครั้ง
 

5. ด้านระยะทางการขับขี่

  • EV : ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลเทียบกับรถสันดาป แต่ต้องพิจารณาความพร้อมของสถานีชาร์จในเส้นทางที่จะไปด้วย
  • รถสันดาป  : สามารถขับขี่ได้ไกลกว่าและมีสถานีเติมน้ำมันครอบคลุมทั่วประเทศ
 

ความกังวลเกี่ยวกับ EV CAR ที่หลายคนยังไม่กล้าตัดสินใจ

จากการเปรียบเทียบสมรรถนะข้างต้น ทำให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า EV CAR มีข้อดีหลายด้าน มีความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากกว่ารถยนต์สันดาป ซึ่งก็ต้องบอกว่า ‘ใช่’ เพราะ EV CAR ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดของรถยนต์สันดาปนั่นเอง แต่ก็ยังคงมีความกังวลที่ทำให้หลายคนลังเลที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่
 

1. กังวลว่าไฟฟ้าจะลัดวงจรเมื่อต้องลุยน้ำท่วม

EV CAR มักมาพร้อมระบบป้องกันน้ำ เช่น Ingress Protection (IP) ที่ช่วยให้รถสามารถทนทานกับน้ำได้ระยะหนึ่งโดยไม่เกิดความเสียหาย โดยค่า IP นี้จะมีการจัดอันดับเป็นตัวเลขต่อท้ายเอาไว้ เช่น IP65 หรือ IP67 ซึ่งเปรียบเสมือนการให้คะแนนการป้องกันน้ำและฝุ่นของ EV CAR ยิ่งเลขต่อท้ายมีจำนวนมาก บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำและฝุ่นที่มากขึ้น
 

2. กังวลเรื่องความร้อนของแบตเตอรี่จะทำให้เสื่อมเร็ว

EV CAR ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ที่มีประสิทธิภาพทั้งการเก็บไฟฟ้า และการจ่ายพลังงานไฟฟ้าแรงสูง ผู้ที่ไม่กล้าซื้อรถ EV หลายคนจึงมีความกังวลว่าแบตเตอรี่จะมีความปลอดภัยขณะใช้งานหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า EV CAR ได้รับการออกแบบให้มีระบบการจัดการอุณหภูมิของแบตเตอรี่ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยในสภาพอากาศที่หลากหลาย
 

3. กังวลว่าสถานีชาร์จไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ถ้าย้อนเวลาไป 2-3 ปีก่อนหน้านี้ เรื่องของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอาจเป็นเรื่องน่ากังวลใจ แต่ในปัจจุบันนี้ การเพิ่มสถานีชาร์จเป็นไปอย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น ทำให้การใช้งาน EV Car ในไทยสะดวกสบายยิ่งขึ้น และในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะมีสถานีชาร์จพอ ๆ กับสถานีน้ำมัน ดังนั้นหากคุณกังวลใจในข้อนี้อยู่ สามารถผ่อนคลายและค่อย ๆ เลือกรถที่เหมาะกับคุณได้เลย
 
EV CAR รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
 

EV Car กับอนาคตที่สดใส

EV Car กำลังเติบโตและเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งเชื่อมั่นว่า EV จะสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการขนส่งได้ในอนาคตอันใกล้

สำหรับผู้ที่สนใจในรถยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันมีรถ EV รุ่นต่าง ๆ ที่เหมาะกับการใช้งานหลากหลายราคา เช่น
 

1. KIA รุ่น EV9

KIA เปิดตัว EV9 ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่มาพร้อมการออกแบบที่โดดเด่นและความกว้างขวาง เน้นความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติในบางสถานการณ์ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้ระยะทางวิ่งได้ถึง 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถไฟฟ้าสำหรับครอบครัว
 

2. Deepal S7

Deepal S7 เป็น SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ มาพร้อมจุดเด่นด้านอัตราเร่งที่ 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.7 วินาที แบตเตอรี่มีระยะวิ่งสูงสุดประมาณ 500 กิโลเมตร ตัวรถกว้างขวาง เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถ EV แบบครอบครัว ระดับราคาอยู่ที่ 1.3 - 1.5 ล้านบาท ในไทย ถือเป็นคู่แข่งกับ BYD Seal U โดยตรง
 

3. BYD Seal U

BYD Seal U เป็น SUV ไฟฟ้าขนาดกลาง มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าที่มีกำลัง 218 แรงม้า ให้ระยะวิ่งประมาณ 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง การออกแบบภายในเน้นความเงียบและความกว้างขวาง ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 217 กม./ชม. แม้อัตราเร่งจะช้ากว่า Deepal S7 แต่ Seal U เด่นด้านการใช้งานที่สมดุลทั้งในเมืองและการเดินทางไกล

แม้ตลาดรถยนต์โดยรวมจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าดูสดใสในประเทศไทย และหากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดการใช้พลังงานและช่วยรักษ์โลก EV Car อาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หากคุณต้องการข้อมูลสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม สามารถติดต่อผ่านช่องทางโทรศัพท์ที่เบอร์ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 - 17.00 น. หรือสนใจร่วมเป็นลูกค้า KRUNGSRI PRIME สามารถฝากข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้เช่นกัน
สนใจร่วมเป็นลูกค้า ด้วยการเลือก KRUNGSRI PRIME ต่อยอดเงินให้เติบโต​
KRUNGSRI PRIME ช่วยพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน และต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโตสู่ล้านถัดๆไป นอกจากนี้ KRUNGSRI PRIME ยังมอบความพิเศษด้วยสิทธิ์ต่างๆทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ที่ถูกคัดสรรมาให้แก่ลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ