รู้จัก TISA มาตรการใหม่ให้สิทธินำวงเงินซื้อขายหุ้นมาลดหย่อนภาษีได้

ในโลกของการลงทุนนักลงทุนหลายคนมองหาโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีควบคู่ไปกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หนึ่งในเครื่องมือที่กำลังได้รับความสนใจ คือ TISA หรือ Thailand Individual Savings Account ซึ่งเป็นแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อจูงใจให้ประชาชนออมเงินผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยการให้สิทธิลดหย่อนภาษี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก TISA อย่างละเอียด พร้อมแนะนำวิธีการลงทุนให้คุ้มค่าที่สุด
 

TISA คืออะไร? ดีต่อนักลงทุนอย่างไร

TISA (Thailand Individual Savings Account) เป็นบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น ที่เปิดให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้สิทธิลดหย่อนภาษี TISA เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น โดยมีข้อกำหนดและสิทธิประโยชน์เฉพาะ เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมการออมในระยะยาว คล้ายกับมาตรการของญี่ปุ่น NISA (Nippon Individual Savings Account) ที่ปัจจุบันกำหนดให้เป็นสิทธิลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลประจำปีแบบถาวร คล้ายกับค่าลดหย่อนภาษีการมีบุตรของไทย ปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดของข้อมูลตามมาตรการ TISA และจะนำเสนอต่อกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป
 

ส่องโมเดลลงทุน NISA ดีอย่างไร?

Nippon Individual Savings Account (NISA) คือ โครงการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในญี่ปุ่นประหยัด และลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร หรือกองทุนรวม (Mutual funds) โดยไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในบัญชี NISA มี 2 รูปแบบ คือ

1. NISA แบบทั่วไป : สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถลงทุนได้สูงสุด 1.2 ล้านเยนต่อปี กำไรจากการลงทุน (เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือกำไรจากการขาย) จะได้รับการยกเว้นภาษีในระยะเวลา 5 ปี วงเงินลงทุนสะสม 18 ล้านเยน
2. NISA แบบสะสม : มีเป้าหมายสำหรับการลงทุนในระยะยาว เหมาะสำหรับการลงทุนในกองทุนรวม (Mutual funds) หรือผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการลงทุนในระยะยาว สามารถลงทุนได้สูงสุด 40,000 เยนต่อเดือน (หรือ 480,000 เยนต่อปี) วงเงินลงทุนสะสม 6 ล้านเยน กำไรจากการลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีในระยะเวลา 20 ปี

 

เงื่อนไขการลงทุนใน TISA ใครมีสิทธิเปิดบัญชีบ้าง?

สำหรับเงื่อนไขในรายละเอียดของ TISA เช่น วงเงินและระยะเวลาในการลดหย่อนภาษี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอยู่ระหว่างการศึกษาและนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ส่วนภาคเอกชนมีข้อเสนอว่ารัฐควรให้สิทธิลดหย่อนภาษีวงเงิน 5 แสน - 1 ล้านบาทต่อราย เพื่อจูงใจนักลงทุน โดยมีเงื่อนไขเบื้องต้น ดังนี้

• ผู้มีสิทธิเปิดบัญชี TISA ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
• สามารถเปิดบัญชี TISA ได้เพียง 1 บัญชีต่อคนเท่านั้น
• ต้องลงทุนในหุ้นไทยตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด
• เงินที่นำมาลงทุนผ่าน TISA ต้องถือครองตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อคงสิทธิลดหย่อนภาษี

 

ข้อดีของการลงทุนผ่าน TISA

 

1. ลดหย่อนภาษีได้ทันที : นักลงทุนสามารถนำเงินลงทุนผ่าน TISA มาหักลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขที่กำหนดได้
2. ส่งเสริมการเติบโตของตลาดหุ้นไทย : TISA ให้สิทธินำวงเงินซื้อขายหุ้น มาใช้ลดหย่อนภาษีทางตรงได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด เป็นหนึ่งในมาตรการเรียกความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทย
3. ส่งเสริมการออมระยะยาว : ด้วยเงื่อนไขการถือครองขั้นต่ำ TISA ส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีวินัยทางการเงินและสร้างเงินออมในระยะยาว
4. กระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุน : TISA เปิดให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นหลายตัว ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่มั่นคง

TISA เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย พร้อมใช้สิทธิลดหย่อนภาษีควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การลงทุนผ่าน TISA คุ้มค่ามากที่สุด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด วางแผนเลือกหุ้นที่เหมาะสม และติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด เริ่มวางแผนการลงทุนของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เงินทำงานอย่างชาญฉลาดและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดในอนาคต! หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทหุ้นที่น่าสนใจสำหรับ TISA หรือเทคนิคการวางแผนภาษีเพิ่มเติม KRUNGSRI PRIME เพียงโทร. 02-296-5959 (จันทร์ - ศุกร์ 09.00 - 17.00 น.) หรือฝากข้อมูลให้ติดต่อกลับ

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ด้วย