ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ ด้วยกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลหลายประเทศ ทำให้หุ้น EV มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่การลงทุนในหุ้น EV ให้คุ้มค่าในปี 2025 จำเป็นต้องอาศัยการวางกลยุทธ์และเลือกลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพสูง บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจปัจจัยสำคัญในการเลือกหุ้น EV อย่างชาญฉลาด พร้อมเคล็ดลับเพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่าที่สุด
ตลาด EV ทั่วโลกยังรุ่ง ไทยเริ่มฟื้น
ในปี 2025 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตขึ้น 30% หรือประมาณ 15.1 ล้านคัน และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 16.7%
1 เทรนด์การใช้รถ EV เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศจีนและกลุ่มประเทศยุโรป อย่างเนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน หัวใจสำคัญที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีอัตราการเติบโตสูงทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย มาจากปัจจัย ดังนี้
- นโยบายของรัฐบาล ที่สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาด ทั้งมาตรการสนับสนุนด้านภาษี และการกำหนดอัตราภาษีศุลกากร เป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้ EV ในประเทศไทย รัฐบาลได้กำหนดมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) โดยกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตในอัตราคงที่เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2569-2575) เพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
- โครงสร้างด้านสถานีชาร์จที่มีเพียงพอและเหมาะสม อย่างสถานีชาร์จในจีนมีมากกว่า 3 ล้านจุดในปี 25672 ในยุโรปมีมากกว่า 9 แสนจุด และในสหรัฐฯ มีประมาณ 1.8 แสนจุด ในประเทศไทยมีสถานีชาร์จมากกว่า 3,000 แห่ง มีหัวชาร์จกว่า 10,000 หัวชาร์จ3
- ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีความคุ้มค่ามากขึ้น ราคาแบตเตอรี่เฉลี่ยทั่วโลกลดลงจาก 153 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ในปี 2022 เป็น 149 ดอลลาร์ ในปี 2023 และคาดว่าจะลดลงเหลือ 111 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2024 นอกจากนี้ ราคาแบตเตอรี่ EV เฉลี่ยทั่วโลกอาจลดลงเหลือ 90 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในปี 2025
หุ้น EV ที่น่าลงทุนในปี 2025
- Tesla: เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Panasonic และผลิตแบตเตอรี่เองด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องจับตากระแสแบน Tesla ทั่วทั้งสหรัฐฯ และยุโรป หลังจาก อีลอน มัสก์ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเต็มตัว ในฐานะที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีทรัมป์ และผลักดันนโยบายปฏิรูประบบราชการ ทำให้อเมริกันชนไม่พอใจเป็นจำนวนมาก และออกมาแบน Tesla และทำให้มูลค่าหุ้นของ Tesla ตกลงไปถึง 40% นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ามาเป็นประธานาธิบดี นอกจากนี้ยังเผชิญการแข่งขันอย่างรุนแรงกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ทำให้เสียส่วนแบ่งไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley ออกมาวิเคราะห์ว่า Tesla ยังเป็นหุ้นแนะนำอันดับ 1 ในหมวดอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐอเมริกา
- BYD: ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน มีการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและอินโดนีเซีย BYD มียอดขายทั่วโลกกว่า 4 ล้านคัน ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแซง Tesla ในปีที่ผ่านมา
- CATL: ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน มีแผนขยายสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในประเทศจีน โดยตั้งเป้าเปิดสถานี 1,000 แห่งในปีหน้า และขยายเป็น 10,000 แห่งในอนาคต (apnews.com)
- LG Energy Solution: บริษัทเกาหลีใต้ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 2 ของโลก โดยมีลูกค้าหลักอยู่ในฝั่งตะวันตก ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
- Panasonic: บริษัทญี่ปุ่นที่เป็นพันธมิตรกับ Tesla ได้ลงทุน 704 ล้านดอลลาร์ในการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่
ตลาด EV กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูง อย่างไรก็ตาม การเลือกหุ้น EV ที่เหมาะสมจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ การลงทุนที่ดีเริ่มจากการมีข้อมูลที่ครบถ้วน กรุงศรีขอแนะนำ 3 กองทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น EV ข้างต้น ดังนี้
กรุงศรี ESG Climate Tech-สะสมมูลค่า (KFCLIMA-A)
- KFCLIMA-A เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ช่วยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยกองทุนมีจุดเด่น ดังนี้
- เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ DWS Invest ESG Climate Tech, Class USD TFC (กองทุนหลัก) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและ/หรือหลักทรัพย์อื่น ๆ ของบริษัททั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
- เน้นลงทุนในเชิงรุกเพื่อคว้าโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เน้นการลงทุนในธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาช่วย “ลด” ผลกระทบ หรือ “ปรับ” รูปแบบธุรกิจให้สามารถเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศได้
- ณ 31 มี.ค. 68 กองทุนหลักมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น BYD อยู่ที่ 2.80%
กรุงศรีเวิลด์อิควิตี้อินเด็กซ์-สะสมมูลค่า (KF-WORLD-INDX-A)
- KF-WORLD-INDX-A ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ iShares MSCI ACWI ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี MSCI ACWI
- กองทุนหลักเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยม มีสภาพคล่องสูง โดยมีมูลค่ากองทุนมากกว่า 4.5 แสนล้านดอลลาร์ (ณ มิ.ย. 67) บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ของ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก
- ณ 31 มี.ค. 68 กองทุนหลักมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น TESLA อยู่ที่ 0.98%
กรุงศรีไชน่าอิควิตี้ CSI 300 (KFCSI300-A)
- KFCSI300-A โอกาสการเข้าถึงเศรษฐกิจในกลุ่ม “New Economy” เช่น กลุ่มเทคโนโลยี (IT) กลุ่มสุขภาพ (Healthcare) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer) และกลุ่มโทรคมนาคม (Tele-Communication) ที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลักของเศรษฐกิจจีน
- เป็นหนึ่งในกองทุน ETF ที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก ที่ลงทุนในหุ้นจีน A-shares มีสภาพคล่องสูง และค่าธรรมเนียมค่อนข้างต่ำ ทำให้สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ใกล้เคียงกับดัชนี CSI300
- ณ 31 มี.ค. 68 กองทุนหลักมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น BYD อยู่ที่ 1.45%
เริ่มศึกษาและวางแผนการลงทุนของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อคว้าโอกาสในการเติบโตจากตลาด EV ในปี 2025! หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม KRUNGSRI PRIME มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อคว้าโอกาสการลงทุนท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน สนใจโทร. 02-296-5959 (จันทร์-ศุกร์ 09.00-17.00 น.) หรือ
ฝากข้อมูลให้ติดต่อกลับ
ขอรับหนังสือชี้ชวน และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- KFCLIMA-A, KF-WORLD-INDX-A, KFCSI300-A กองทุนป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินทุนเริ่มแรกได้
อ้างอิง