เมื่อความโสด กลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความรักและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนยุคใหม่กำลังโหยหาอยู่ลึก ๆ กลายเป็นโอกาสของ MeetNLunch บริษัทจัดหาคู่มาแรง สปอนเซอร์ใหญ่ของรายการสุดแซ่บ Take Me Out Thailand อาสาเป็นคนกลางจับคนโสดมาคู่กัน จนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว นับเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่เหล่านักลงทุนน่าเรียนรู้ไว้
“เป็นโสดหน้าหนาว ทำไมมันหนาวเป็นสองเป็นสามเท่าของคนอื่น...” แว่วเสียงบทเพลงคลาสสิก “โสดหน้าหนาว” มาทีไร หัวใจหลาย ๆ คนรู้สึกสะดุ้งสะเทือน เอาจริง ๆ เป็นโสดหน้าไหน หัวใจดวงบาง ๆ ก็อ้างว้างทั้งนั้นแหละ แต่พอหน้าปฏิทินมันหมุนเวียนมาถึงฤดูหนาวแล้ว คนโสดก็อดคิดถึงคู่ที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะโผล่หน้ามาจ๊ะเอ๋กันสักทีไม่ได้
อย่ากระนั้นเลย นี่มันจะย่างเข้าปี 2018 แล้ว จะมัวมาชะเง้อรอคอยโชคชะตาอยู่ทุกวี่ทุกวันมันก็ไม่ทันใจแล้วล่ะ ถ้าใครที่มั่นใจว่าชีวิตนี้ฉันไม่ได้สตรองเต็มร้อยที่จะขออยู่คนเดียวตลอดไป ก็มาลงสนามหารักแท้กันดีกว่า ข่าวดีก็คือตอนนี้มี MeetNLunch บริการจัดหาคู่ที่ได้ประสิทธิภาพสุด ๆ แมตช์คู่ของคุณอย่างใส่ใจ พิถีพิถัน และให้บริการแบบครบวงจร
และวันนี้ คุณนิกกี้-นิธินันท์อัศวทร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ MeetNLunch จะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดถึงที่มาที่ไป รวมถึงแนวคิดในการให้บริการแมตช์คู่ว่าเวิร์กและคุ้มค่ากับการลงทุนสุด ๆ ขนาดไหน
คุณนิกกี้-นิธินันท์ อัศวทร
ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ MeetNLunch
จากจุดเริ่มต้นของ MeetNLunch ตอนนี้ผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว ในปัจจุบันการเติบโตเป็นอย่างไรบ้าง
คุณนิธินันท์: เรามีทั้งหมด 6 สาขา ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง ไทย และกำลังจะเปิดที่จีน รวมกันตอนนี้ก็มีประมาณแสนเดตแล้ว
ได้ยินว่ามีลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
คุณนิธินันท์: ด้วยความที่เป็นตลาดคนโสด จึงเป็นไปตามจำนวนประชากร ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ด้วยค่ะ รวมถึงจำนวนประชากรที่ไม่สมดุลกันของแต่ละประเทศ เช่น ประเทศนี้อาจจะมีจำนวนผู้หญิงที่เป็นโสดมากกว่า หรือถ้าเป็นจีนก็มีผู้ชายเป็นโสดมากกว่า และด้วยความไม่ค่อยบาลานซ์กันนี้ จึงทำให้ความต้องการในการใช้บริการหาคู่มากขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยในการหาคนที่ใช่สำหรับเรามากขึ้น
อย่างในเมืองไทย ถ้าอายุ 33 ปีขึ้นไป จำนวนผู้หญิงที่เป็นโสดจะมีมากกว่าผู้ชาย แต่ถ้า 30 ปีลงไป ผู้ชายจะมีจำนวนมากกว่าผู้หญิง เลยทำให้คนโสดมีสัดส่วนนี้ตามไปด้วย
สำหรับการเติบโตของ MeetNLunch ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าไลฟ์สไตล์ของคนมีเวลาน้อยลง จึงต้องการตัวช่วยมากขึ้น ช่วยประหยัดเวลา ช่วยหาคนโปรไฟล์ดี ๆ แล้วก็อีกส่วนเป็นเพราะเราได้ขยายตลาดในประเทศต่าง ๆ ด้วย
คิดว่าเทรนด์ “การอยู่คนเดียวก็ได้” ที่เริ่มเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อ MeetNLunch หรือไม่
คุณนิธินันท์: เราคิดว่า จริง ๆ แล้วไม่มีใครที่อยากจะอยู่คนเดียวหรอก เพราะมันเหงา คือ คนเราก็อยากจะมีอะไรที่ทำร่วมกับคนอื่น เพียงแต่ตอนนี้เราไปไหน เราก็มีมือถือคอยช่วยเชื่อมต่อเรากับคนอื่นได้ง่าย แต่คนยุคนี้ก็ต่างจากแต่ก่อน คือต้องการอะไรเร็วขึ้น หมายถึง อยากได้ทันที ต้องง่าย ๆ เร็ว ๆ เห็นได้จากการใช้แอปฯ หาคู่ต่าง ๆ ที่ออกมา ที่ดูเหมือนจะมีคนใช้เยอะ แมตช์คู่กันง่าย แต่ในความจริง คนที่ได้ออกเดตจากตรงนี้แล้วประสบความสำเร็จยังมีจำนวนน้อย ทำให้เห็นว่ายังขาดการกลั่นกรองที่มีคุณภาพ หรือคัดสรรคนที่เหมาะสมจริง ๆ ให้เรา เพราะมีกลุ่มคนหลายระดับเกินไป แต่ละคนก็มีความต้องการไม่เหมือนกัน และทำให้เสียเวลาเยอะมาก กลายเป็นว่าตอบสนองเรื่องความเร็ว แต่ไม่ตอบสนองเรื่องคุณภาพเสมอไป
MeetNLunch ตอบโจทย์เรื่องคุณภาพของคนที่เราจะไปเดตด้วยอย่างไร
คุณนิธินันท์: เราดูแลเรื่องคุณภาพให้ ลูกค้าของเราไม่จำเป็นต้องมาแชตเอง ไม่ต้องหาเอง เพราะเราทำหน้าที่ตรงนั้นให้ เราคัดกรองคุณภาพของคน ดูโปรไฟล์ให้ มั่นใจว่านี่แหละดีและเหมาะสม เมื่อถึงเวลาก็นัดออกเดตให้ แล้วคนที่นำเสนอให้ เราดูแล้วว่าความต้องการตรงกับลูกค้าทั้งคู่ จุดนี้จึงทำให้ไม่ต้องเสียเวลา
คุณสร้างการเป็น Top of Mind ในใจผู้บริโภคได้อย่างไร
คุณนิธินันท์: เวลาที่ทุกคนนึกถึงเรื่อง Dating ก็จะนึกถึงเรา ทั้งนี้ เพราะ Brand Positioning ก็เป็นเรื่องสำคัญ MeetNLunch เน้นจับที่คุณภาพของโปรไฟล์ที่เข้ามาว่า เรากลั่นกรองมาให้แล้ว และเป็นโปรไฟล์ที่ถ้าได้ออกเดตก็จะตรงกับความต้องการของคุณ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้คู่ที่มีคุณภาพก็มาทางเรา
การเป็นผู้สนับสนุนรายการ Take me out Thailand มีส่วนช่วยทำให้คนรู้จักหรือใช้บริการ MeetNLunch มากขึ้นแค่ไหน
คุณนิธินันท์: รายการทีวีเป็นอะไรที่ Mass อยู่แล้ว การที่เราเข้าไปช่วยเขาหาคนโสดมาร่วมรายการ มันก็ตรงกับสิ่งที่เราทำอยู่ คนที่ไปก็คือคนโสดที่อยากจะหาคู่ แล้วก็มีคนโสดที่อยากออกรายการพอดี เป็นอะไรที่วิน ๆ ทั้งคู่
คนไทยส่วนใหญ่ ยังมีทัศนคติในแง่ลบต่อการใช้บริการจัดหาคู่ หลายคนก็ไม่กล้าเปิดเผยว่าตัวเองใช้บริการเหล่านี้อยู่ MeetNLunch มีแผนรับมืออย่างไร
คุณนิธินันท์: คนที่มาใช้บริการมีอยู่ 2 มุมด้วยกัน คือ คนที่มีมุมส่วนตัวสูง ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องส่วนตัวของตัวเอง ซึ่งเราก็เข้าใจเป็นอย่างดี เรารักษาข้อมูลส่วนตัวของคุณเป็นอันดับหนึ่ง จุดนี้เป็นจุดแข็งของบริการเราเลย ไม่ใช่โปรไฟล์คุณไปอยู่บนหน้าแอปฯ แล้วใครเห็นก็ได้ ลูกน้องเห็น เพื่อนเห็น MeetNLunch ไม่ใช่อย่างนั้น ที่นี่เรารักษาความเป็นส่วนตัวในระดับสูง เข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องที่อยากจะป่าวประกาศให้ใครรู้ว่าฉันกำลังหาคู่นะ ในอีกมุม คู่ที่สำเร็จจากเราก็เยอะ ที่เขายินดีจะให้เราบอกคนภายนอก เพื่อบอกว่าบริการมันใช้ได้จริงนะ
MeetNLunch วางแผนระบบจับคู่และรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของลูกค้าอย่างไร หรือใช้เทคโนโลยีใดเป็นตัวช่วย
คุณนิธินันท์: เรามีการยืนยันสถานภาพความเป็นโสด มีการขอสำเนาบัตรประชาชน สำเนาวุฒิการศึกษา และสลิปเงินเดือน เพื่อยืนยันฐานรายได้ ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจก็จะมีการขอใบรับรอง ถ้าเป็นสถานภาพแต่งงาน เราสามารถไปยืนยันที่อำเภอได้ ให้เขาเซ็นยินยอม
ด้านเทคโนโลยี จริง ๆ MeetNLunch เป็นบริษัทเทคฯ นะ เพราะเรามีการทำ Validate ข้อมูลได้ เราใช้ AI ในการดึงข้อมูลผู้ใช้บริการจากการใช้โซเชียล มีเดียอย่างเช่น Instagram หรือ Spotify ทำให้เราแมตช์ได้แม่นยำขึ้น MeetNLunch เป็นแค่โปรดักต์หนึ่งในกรุ๊ป จริง ๆ แล้วเรายังมีแอปพลิเคชัน บอต ฯลฯ หลังบ้านเรียกว่าไฮเทคพอสมควร
ถ้าสนใจอยากใช้บริการ MeetNLunch ต้องเตรียมตัวหรือเริ่มต้นอย่างไร
คุณนิธินันท์: คือคนที่มาใช้บริการเรา ส่วนใหญ่คือทดลองอย่างอื่นมาแล้ว แล้วรู้สึกเฟล หรือว่ารู้สึกไม่ค่อยมีตัวเลือกเท่าไหร่ ทีนี้ถ้าคุณอยากลองเปิดใจดู อยากจะเจอคนมากขึ้น ขั้นตอนของที่นี่สะดวกต่อการใช้บริการ เพราะออฟฟิศเราอยู่ตรงชิดลมซึ่งเป็นใจกลางเมือง สามารถเข้ามาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ มีกาแฟสตาร์บัคส์ให้ดื่ม และสัมภาษณ์ประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงความรักที่ผ่านมาของคุณ ความต้องการเป็นยังไง อยากจะเจอคนแบบไหน พอเก็บข้อมูลเสร็จ แม่สื่อก็จะเป็นคนแมตช์คู่ให้ มีคนดูแลต่อเนื่องตลอด
นอกจากนี้แล้ว เราก็มี Academy ด้วย เพราะบางทีเวลาเราแมตช์ให้ บางคนอาจยังไม่พร้อมที่จะออกเดต จีบไม่เป็น ยังคิดถึงคนเก่าอยู่ ฯลฯ คือมีปัจจัยอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราสอนและโค้ชเขาได้ เราก็เลยสร้าง MeetNLunch Academy จัดเป็นหลักสูตรเลย ให้ลูกค้าสำรวจตัวเองว่าอะไรที่เป็นจุดอ่อนของเขา เราก็จะเสริมให้ ซึ่งจะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในการออกเดต เรียกว่าครบวงจรเลย
อยากให้ยกตัวอย่างคู่ที่ประทับใจ
คุณนิธินันท์: ส่วนมากจะเป็นลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจใหญ่ ๆ เขาซื้อไว้สิบเดต แต่ไป ๆ มา ๆ เดตไปแค่เดตเดียวหรือสองเดตก็ได้คู่แล้ว แล้วก็บอกกับเราว่า ขอหยุดไม่ต้องการใช้แพ็กเกจที่เหลือ มันทำให้เราประทับใจที่เขารู้จักพอ รู้จักที่จะหยุดเมื่อเจอคนที่ใช่ เป็นอะไรที่ดีมาก ไม่ใช่ว่าพอมีคนให้เลือกเยอะแยะก็ไม่หยุดสักที แต่เขาหยุด มันจริงใจมาก
ตอนนี้ MeetNLunch มีแผนการตลาดหรือแคมเปญอะไรบ้างที่น่าสนใจที่กำลังปล่อยอยู่บ้าง
คุณนิธินันท์: ตอนนี้มีโปรเจกต์
Dream Date เรามีผู้หญิงที่มีโปรไฟล์ดีมาก ๆ ทั้งหมด 4 คน บุคลิกดี หน้าตาดี มีตั้งแต่ดีกรีจบนอก เป็นแอร์โฮสเตส เจ้าของธุรกิจ ติวเตอร์ มาให้หนุ่ม ๆ ทางบ้านลองสมัครเข้ามา พร้อมบอกเราว่าทำไมคุณถึงแมตช์กับสาว ๆ เหล่านี้ แล้วเราก็จะเลือกให้ได้เดตกัน เป็นกิมมิกช่วงธันวาคมที่จะถึงนี้ เพราะเราต้องการให้จำนวนผู้ชายและผู้หญิงบาลานซ์กัน เราต้องการให้เห็นว่ามีผู้หญิงโปรไฟล์ดี ๆ มาใช้บริการเรานะ แล้วเราก็จะคัดเลือกผู้ชายที่อายุเยอะหน่อย เพื่อให้ฐานข้อมูลของเรามีจำนวนผู้ชายผู้หญิงสมดุลกัน
ตั้งเป้าไว้อย่างไรบ้างกับการเติบโตในอนาคต
คุณนิธินันท์: ในบริษัท Lunch Actually Group ของเรา ตอนนี้มีอยู่ 5-6 โปรดักต์ ที่ค่อนข้างจะเป็นงานระดับโลก คือ จะมีเปิดตัว Chatbot (แชตบอต) ในเฟซบุ๊ก เมสเซนเจอร์ เมื่อลูกค้ากรอกโปรไฟล์จะเหมือนเป็นการแชตกับบอต ซึ่งมีความธรรมชาติกว่าในการหาคู่ ซึ่งเราจะเป็นบริษัทแรกที่ได้เปิดตัวนวัตกรรมนี้ จะไม่เหมือนการกรอกข้อมูลในกระดาษอีกต่อไป
โปรดักต์ใน Lunch Actually Group จะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทั้งหมด ตั้งแต่โสด มีแฟน แต่งงาน หลังแต่งงาน ถ้ามีปัญหาก็สามารถคุยกับ AI ของเราได้ เพราะบางคนไม่รู้ว่าจะเชื่อมความสัมพันธ์เพิ่มเติมยังไง หรือพอมีปัญหาก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร แต่ AI ของเราจะมีข้อมูลของคุณตั้งแต่ต้นจนจบ มันสามารถช่วยคุณได้ ทำให้สิ่งนี้มีพลังมาก
จะว่าไป หากคิดจะรักก็คงต้องรู้จักวางแผนความรัก ไม่ต่างจาก
วางแผนการเงิน ที่เราจะต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ตัดสินใจ กำหนดขั้นตอนที่ชัดเจน โดยไม่ลืมว่า บางครั้งเราก็ต้องการผู้ช่วยที่จะทำให้แผนของเราราบรื่น เพื่อจะได้พบกับคนที่ใช่ที่สุด ถึงวันนั้น ความสุขที่รอคอยก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะ