ออมเงินให้เหมาะกับวัย ควรทำอย่างไรดี
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ออมเงินให้เหมาะกับวัย ควรทำอย่างไรดี

icon-access-time Posted On 22 มีนาคม 2559
By Krungsri the COACH
เมื่อได้ทำงานแล้วได้เงินเดือนเดือนแรกมา เราจะเอาไปทำอะไรดี?
  • เอาไปให้พ่อแม่เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง และความเจริญก้าวหน้าในอนาคต
  • เก็บหอมรอมริบไว้เพื่อสร้างอนาคต
  • ให้รางวัลตัวเองโดยการซื้อของขวัญสักชิ้นไว้เป็นกำลังใจในการทำงานต่อไป
หลายคนมีเป้าหมายในการใช้เงินที่แตกต่างกันเพราะด้วยบทบาทหน้าที่ที่ต่างกัน การออมเงิน คือ อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยควบคุมการใช้จ่ายเงินของเราให้มีระเบียบแบบแผนมากขึ้น มีเงินเก็บที่สามารถนำมาใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้ อีกทั้งยังทำให้เราเป็นคนมีระเบียบ ประหยัดมัธยัสถ์ไปในตัวอีกด้วย
ซึ่งเรามีแนวทางการออมเงินให้เหมาะสมกับวัยมาให้ศึกษากัน โดยสามารถแบ่งได้ตามช่วงอายุคร่าว ๆ ดังนี้

ช่วงอายุระหว่าง 20-30 ปี

หลังจากเรียนจบแล้ว วัยนี้ถือเป็นวัยเริ่มต้นการทำงาน ภาระและหนี้สินต่าง ๆ ยังไม่มีมากนัก โดยทางลัดที่จะช่วยให้เรียนรู้ระบบการออมเงินได้ดีที่สุด คือ ต้องหาต้นแบบที่ดี เพราะจะช่วยให้เรียนรู้วิธีการจัดการเรื่องการเงินอย่างเป็นระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วงอายุในวัยนี้ถือเป็นวัยที่ได้เปรียบอย่างมากเพราะสามารถรับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ดี ถึงเสียเงินไปจากการลงทุนจริงก็ยังมีเวลาอีกมากที่จะหารายได้มาทดแทน ส่วนการลงทุนอาจจะเริ่มนำเงินออมไปลงทุนเป็นตราสารทุนแบบหุ้นระยะยาว เพราะการลงทุนในระยะยาวหุ้นจะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น คือยังไงก็ได้กำไร และอาจเก็บเงินออมไว้ในเงินฝากธนาคารและตราสารหนี้บ้างก็ได้ เพราะได้อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอน

ช่วงอายุระหว่าง 31-40 ปี

หน้าที่การงานที่เริ่มคงที่และมีความก้าวหน้าขึ้นย่อมส่งผลให้มีรายได้ที่สูงขึ้นด้วย จึงควรออมเงินเก็บในช่วงนี้ไว้ให้มาก ๆ เพราะในวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มสร้างฐานะ สร้างครอบครัว ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วย การออมเงินควรแบ่งไว้สำหรับลงทุนสักครึ่งหนึ่ง และแบ่งเก็บไว้ในหลักทรัพย์ เช่น ฝากธนาคารหรือตราสารหนี้เอาไว้ เงินที่แบ่งไว้ลงทุนก็อาจจะนำไปลงทุนในหุ้นที่มีปันผลมากและแน่นอนมีความเสี่ยงน้อย หรืออาจนำไปลงทุนธุรกิจส่วนตัวตามความชอบเพื่อจะได้เป็นการเพิ่มกำไรได้หลาย ๆ ช่องทาง

ช่วงอายุระหว่าง 41-55 ปี

ช่วงอายุในวัยนี้นับว่าเป็นช่วงอายุที่มีรายได้ค่อนข้างที่สุดและมั่นคงมากที่สุด แต่รายจ่ายก็อาจจะมากตามไปด้วยเนื่องจากภาระต่าง ๆ ที่เข้ามา เช่น ค่าใช้จ่ายในการศึกษาสำหรับครอบครัวที่มีบุตร เป็นต้น ซึ่งการลงทุนในช่วงวัยนี้ควรนำเงินออมส่วนใหญ่ไปฝากไว้กับธนาคารหรือไปลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ควรนำไปลงทุนกับอะไรที่มีความเสี่ยงสูง เพราะเป็นวัยที่มีภาระผูกพันแล้ว หากไม่มีเงินเก็บ อาจจะเกิดปัญหาด้านการเงินในยามฉุกเฉินได้

ช่วงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป

เป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ โดยในวัยนี้ควรเน้นไปที่การออมให้ได้เกินครึ่งขึ้นไป จะนำไปฝากธนาคารเพื่อไว้กินดอกเบี้ยหรือซื้อตราสารหนี้ต่าง ๆ อาจจะนำเงินออมไปลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่ไม่ควรลงทุนกับธุรกิจที่มีความเสี่ยง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การออมประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้อย่างไม่เดือดร้อน
แน่นอนการออมเงินไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถของเรา ทุกคนและทุกวัยสามารถเริ่มเก็บหอมรอมริบในรูปแบบของตัวเองได้ ขอเพียงมีการเริ่มต้นและวางแผนที่ดี และลงมือทำตามแผนของเรา แค่นี้เราก็จะมีเงินออมไว้ใช้ได้อย่างไม่เดือดร้อนใคร ปั้นปลายชีวิตก็จะมีความสุขตามไปด้วย
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา