KRUNGSRI EXCLUSIVE

VIRTUAL REALITY & AUGMENTED REALITY

สองเทคโนโลยีสุดสมาร์ทแห่งโลกอนาคต

VIRTUAL REALITY & AUGMENTED REALITY
 
เทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก้าวล้ำไปไกลจนอาจจะเรียกได้ว่าเหนือจินตนาการ ช่วงที่ผ่านมามีสองเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงและได้รับการพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น นั่นคือ Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) ความคล้ายคลึงกันของ “ความจริง” ทั้งสองแบบคือการเป็น “โลกเสมือน” ให้กับผู้ใช้งานแต่ลักษณะและวิธีการทำงานนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้เราจึงขอมาไขข้อข้องใจว่าเทคโนโลยีทั้งสองแบบนั้นเป็นอย่างไร และจะเอื้อประโยชน์ให้กับชีวิตของเราในอนาคตได้อย่างไรบ้าง
 

VIRTUAL REALITY (VR)

 
VIRTUAL REALITY & AUGMENTED REALITY
เทคโนโลยีที่จำลองสภาพแวดล้้อมเสมือนหรือจำลองสถานที่ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อผู้ใช้งานสามารถเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นได้แบบ 360 องศา โดยตัดขาดผู้ใช้งานออกจากโลกของความเป็นจริง พูดง่ายๆ ก็คือ VR จะเป็นผู้พาเราไปสู่อีกโลกหนึ่งผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 4 ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส หรือแม้กระทั่งการรับรู้กลิ่น โดยเราสามารถเข้าไปสู่โลกของ VR ได้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาพิเศษอย่าง แว่นตา VR Headset รวมทั้งอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้การเข้าถึงโลกเสมือนนั้นดูสมจริงมากขึ้น เช่น เครื่องสร้างแรงสั่นสะเทือนที่ใช้คู่กับแว่นตา VR ที่กำลังแสดงภาพเครื่องรถไฟเหาะจำลอง เป็นต้น

จริงๆ แล้วเทคโนโลยี VR เริ่มกลายเป็นที่พูดถึงในแวดวงดิจิทัลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 โดยเริ่มต้นจากบริษัท Oculus บริษัทสตาร์ทอัพผลิตแว่นตา Virtual Reality รุ่น Oculus Rift ซึ่งได้เปิดระดมทุนผ่าน Kickstarter ได้เงินไปมากถึง 2.4 ล้้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนั้น 2 ปี Facebook จึงได้ทำการซื้อกิจการของ Oculus ด้วยมูลค่าสูงมหาศาลถึง 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาต่อ โดยมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก เคยประกาศไว้ว่า “VR และ AR คืออนาคต” และว่ากันว่าจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเองที่ทำให้การเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเทคโนโลยีได้ก้าวเข้าสู่ตลาดโลกเสมือนจริงแบบเต็มตัว
 

AUGMENTED REALITY (AR)

เทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือน (Virtual World) เพิ่มเข้าไปในโลกจริง (Physical World) เพื่อทำให้เกิดการกลมกลืนกันมากที่สุดจนแยกไม่ออก โดยมีหลักการทำงานคือใช้อุปกรณ์ดิจิทัลที่่มีเซ็นเซอร์ในการตรวจจับภาพ เสียง การสัมผัส หรือการรับกลิ่น เช่น สมาร์ทโฟน แว่นตาอัจฉริยะ แท็บเล็ต ฯลฯ จากนั้นอุปกรณ์จะประมวลผลแล้วสร้างภาพ 3 มิติขึ้นมาตามเงื่อนไขที่ได้รับ โดยวัตถุเสมือนนี้อาจเป็นได้ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเสียง ที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี AR เช่น การใช้แอปพลิเคชั่น TikTok หรือ Instagram ที่สามารถสร้างวิดีโอพร้อมใส่เอฟเฟกต์ลูกเล่นและฟิลเตอร์ต่างๆ รวมไปถึงแอปพลิเคชั่น Snapchat ที่มีการใช้กล้องสมาร์ทโฟนร่วมกับ AR เพื่อสร้างฟิลเตอร์ตกแต่งใบหน้า หรือเปลี่ยนเอฟเฟ็กต์ภาพให้เป็นแบบการ์ตูน

ที่ผ่านมา AR ถูกนำมาใช้ในสื่อโซเซียลมีเดียมากขึ้น เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น ให้ผู้ใช้ได้สร้างคอนเทนต์และเรื่องราวสนุกๆ พร้อมแชร์ต่อไปยังสื่อโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงธุรกิจเสื้อผ้า หรือเครื่องสำอางออนไลน์ที่นำ AR มาเป็นสื่อให้ผู้ใช้งานลองสวมใส่สินค้าได้ หรือทดลองสีสันต่างๆ ของเครื่องสำอางผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน เป็นต้น
VR + AR
Virtual Reality (VR) คือ เทคโนโลยีที่สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนขึ้นมาใหม่ เพื่อดึงให้ผู้ใช้งานออกจากโลกความจริง ส่วน Augmented Reality (AR) คือ การรวบรวมหรือผสานระหว่างสภาพแวล้อมจริง ณ ขณะนั้น เข้ากับวัตถุที่จำลองขึ้นมา
VIRTUAL REALITY & AUGMENTED REALITY


VR และ AR ใช้ประโยชน์อย่างไร

การแพทย์ : แพทย์สามารถรักษาคนไข้ได้จากทุกมุมโลก ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี VR เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโรคของแพทย์ เช่น ที่ Cedars-Sinai Medical Center ในลอสแองเจลลิส สหรัฐอเมริกา มีการทดลองนำ VR Headset มาให้ผู้เข้ารับการรักษาใช้ระหว่างเข้าพบแพทย์ในโลกเสมือนจริงนั้นสามารถเลือกได้ว่าอยากอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใด เช่น โลกใต้ทะเลริมชายหาด การสร้างสภาวะแวดล้อมเช่นนี้้ ช่วยลดความเครียดและอาการเจ็บป่วยให้ผู้ป่วยได้นอกจากนี้เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2563 ผ่านมา Holoeyes บริษัทสตาร์ทอัพรายใหม่จากประเทศญี่ปุ่นได้พัฒนาเครื่องมือ VR ที่มีคุณสมบัติการแปลงข้อมูลภาพ Computed Tomography (CT) ให้กลายเป็นภาพสามมิติ แล้วแสดงผลเพื่อช่วยสนับสนุนทางการแพทย์ โดยระบบจะแสดงให้เห็นหลอดเลือด หรืออวัยวะต่างๆ ของคนไข้ให้แพทย์เห็นเหมือนดูด้วยตาจริง หากนำมาใช้ควบคู่กับหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดจะช่วยให้แพทย์สามารถผ่าตัดคนไข้จากที่ใดก็ได้ทุุกมุมโลก (https://holoeyes.jp/en/)
ความบันเทิง : เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมส์และโซเซียลมีเดีย ได้อย่่างสมบููรณ์แบบ อีกหนึ่งปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของนักเล่นเกมส์ทั่วโลกที่นำเทคโนโลยี AR มาใช้ ก็คือ เกมส์ Pokémon GO ที่เปิดตัวในช่วงปี พ.ศ. 2559 และโด่งดังจนได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมไปถึงโซเซียลมีเดียต่างๆ ที่แทบทุกแพลตฟอร์มได้ดึงเทคโนโลยี AR และ VR เข้ามาใช้อย่างหลากหลายและแน่นอนว่ามันกำลังได้รับความนิยมขึ้นตามลำดับอีกด้วย
งานดีไซน์ : สัมผัสที่อยู่อาศัยได้แบบ 360 องศา ผู้พัฒนาอสัังหาริมทรัพย์หลายรายในบ้านเราได้นำเทคโนโลยี AR และ VR มาประยุุกต์เข้ากับซอฟต์แวร์ระบบสร้างแบบจำลองเสมือนของตัวอาคาร (Building Information Modelling หรือ BIM) เพื่อสร้างโมเดลจำลองตั้งแต่รากฐานจนถึงชั้นบน สำหรับช่วยในการวางแผนพัฒนาโครงการในส่วนต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมไปถึงการพัฒนาแอปฯ ที่สามารถแปลงแบบบ้านให้กลายเป็นบ้านเสมือนจริง ช่วยให้ลูกค้าสามารถเดินชมในบ้านหรือคอนโดได้รอบทิศทางเสมือนว่าบ้านหรือคอนโดนั้นสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ธุรกิจออนไลน์ : ช่วยทำการตลาดและสร้างยอดขายให้พุ่ง จากสถานการณ์โควิด-19 ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะลูกค้าไม่สามารถทดลองสินค้าได้ด้วยตัวเองแต่เทคโนโลยี AR กลับมาเป็นฮีโร่ที่่ช่วยแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาแบรนด์ดังที่ใช้ AR และระบบ Face Detection นำส่วนประกอบโครงหน้ามาประมวลผลเพื่อแนะนำแว่นตาที่เหมาะกับใบหน้าแต่ละคน แอปฯ ช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังที่พัฒนาระบบให้ลูกค้าได้ทดลองสีลิปสติก ปัดบลัชออนได้ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน รวมไปถึงห้างขายเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ที่ให้ลูกค้าเลือกสินค้าตกแต่งบ้านและทดลองวางเฟอร์นิเจอร์ในมุมต่างๆ ของบ้้านผ่่านแอปฯ ที่แสดงผลเป็นโมเดล 3 มิติ เพื่อให้ได้บรรยากาศเสมือนตกแต่งจริง ถูกใจชิ้นไหน กดสินค้าลงตะกร้าช้อปปิ้งได้ต่อทันที
การท่่องเที่ยว : ท่องเที่ยวแนวใหม่ ที่มาพร้อมไกด์เสมือน แม้ภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงในช่วงโควิด -19 ที่ผ่านมา แต่่ AR จะเข้้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กัับนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่่ถูกจำลองเป็นไกด์หรือมัคคุเทศก์เสมืือน สามารถท่องเที่ยวจากที่ไหนในโลกก็ได้ โดยผ่านอุปกรณ์์อิเล็กทรอนิกส์ ต่างๆ อย่าง Microsoft HoloLens หรืือ Google Glass เป็นต้้น
การทำงาน : เปลี่ยนทุกที่ให้เป็นออฟฟิศ ได้ด้วยแว่น VR การทำงานจะไม่ถูกจำกัดอยู่ในบนโต๊ะทำงานอีก ต่อไปเมื่อพี่ใหญ่ด้านเทคโนโลยีีอย่าง Facebook ได้เปิดตัว Infinite Office ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาด้วยคุณสมบัติใหม่ที่สามารถสร้างพื้นที่สำนักงาน หรือออฟฟิศเสมือนจริง โดยที่ยังสามารถทำงานอยู่ในบ้านของตัวเองได้ผ่านแว่น VR เมื่อผู้ใช้สวมแว่นดังกล่าวก็จะสามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจริงรอบตัว ทั้งโต๊ะทำงานของเพื่อนร่วมงาน แป้นคีย์บอร์ด และบรรยากาศต่างๆ ในออฟฟิศ
การศึกษา : การเรียนที่เหมือนได้อยู่ในห้องเรียนนั้นแบบเรียลไทม์ การเรียนการสอนในคลาสที่ซับซ้อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนผ่าตัดของเหล่านักศึกษาแพทย์ ที่เพียงแค่สวมแว่น VR ก็จะสามารถจำลองบทเรียนต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงการฝึกหัดควบคุมยานพาหนะ หรือเครื่องบินที่นักเรียนการบินสามารถสวมแว่น VR เพื่อฝึกฝน โดยไม่ต้องใช้เครื่อง Simulator ที่มีขนาดใหญ่ และราคาแพง
VIRTUAL REALITY & AUGMENTED REALITY
VIRTUAL REALITY & AUGMENTED REALITY
UPDATE!
Facebook ได้ประกาศเปิดตัว ‘แว่นตาอัจฉริยะ’ รุ่นแรกของบริษััทไปเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2564 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนาแว่นตาเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ Augmented Reality (AR) โดยผู้ใช้สามารถใช้แว่นตาในการฟังเพลง รัับสายโทรศัพท์ ถ่ายภาพหรือคลิปสั้นๆ พร้อมโพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้ทัันทีี ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 299 เหรียญสหรััฐ ซึ่งการถ่ายรูปหรือวิดีิโอโดยแว่นนี้ ใช้ระบบผู้ช่วยเสมือนจริงมารับคำสั่งจากเสียงของผู้้ใช้้ และจะมีแสงไฟ LED แสดงบนแว่นตาเพื่อเป็นการแสดงให้ผู้อื่นได้ทราบว่าตอนนี้กำลังถูกบันทึกเทปอยู่อีกด้วย
© 2565 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)