“เมื่อเช้าเพิ่งจะกดเงินมาสามพัน ไหงตอนเย็น เหลือแค่สามสี่ร้อย ? ยังไม่ทันได้ใช้อะไรเลย ? เงินหายไปไหนหมด ???”
หลายคนคงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ รู้สึกว่าไม่ได้ใช้อะไรมากมาย แต่ไม่รู้เงินหายไปไหนหมด??? เราขอเรียกสภาวะนี้ว่า สภาวะ
“รูรั่วทางการเงิน” เหมือนกระเป๋าตังค์เรามีรูรั่วอยู่ที่ไหนสักแห่ง ใส่เงินลงไปก็พากันไหลไปไหนหมดไม่รู้ ?
เราลองมาสวมบทนักสืบ ตามหาเงินหาย แกะรอยรูรั่วกันดีกว่า
ค่าใช้จ่ายวันที่ 1 |
บาท |
ตัดรอบบิลโทรศัพท์รายเดือน |
900 |
จ่ายค่า Netflix |
280 |
ค่า Apple music |
130 |
ค่าเดินทาง |
100 |
ข้าวกลางวัน |
50 |
ลาเต้เย็น |
80 |
ซื้อต่างหู |
50x4 = 200 |
ถุงเท้า |
25x 4 = 100 |
เบนโตะเซ็ทมื้อเย็น |
200 |
เครป |
50 |
น้ำหวาน |
50 |
ตั๋วหนัง |
200 |
ค่าป๊อบคอร์น |
120 |
รวม |
2,460 |
รูรั่วที่ 1 - สารพัดค่าบริการที่ตัดอัตโนมัติ อย่าลืมนับด้วย
ค่าโทรศัพท์ ค่าบริการต่างๆ ไม่ว่าจะ Netflix ไว้ดูหนัง ค่า Apple music / Joox เอาไว้ฟังเพลง
หลายคนเลือกวิธีให้ตัดเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติ ทำให้หลงลืมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป
รูรั่วที่ 1 ค่าโทรศัพท์รายเดือน 900 + ค่า Netflix 280 + ค่า Apple Music 130 =
1,310 บาท
รูรั่วที่ 2 - ช้อปปิ้งตลาดนัด ซื้อของกระจุกกระจิกต่างๆ
ตุ้มหู , ถุงเท้า 2 คู่ 100 , 4 คู่ 100 นี่แหละตัวดูดเงิน
แบงค์ร้อยดูเผินๆ เหมือนใช้ง่ายจ่ายคล่อง แต่หยิบหลายๆ ใบเข้า เงินก็อาจไม่เหลือได้นะจ้ะ
รูรั่วที่ 2 ค่าตุ้มหู 200 + ถุงเท้า 100 =
300 บาท
รูรั่วที่ 3 ของกิน! ขนมนมเนย
หลังของคาว ต้องมีกาแฟ ของหวาน ขนมนมเนย พวกนี้ก็เป็นรูรั่วชั้นดี ที่ทำให้เราเผลอใช้เงินไปแบบไม่รู้ตัวเลยล่ะ
รูรั่วที่ 3 กาแฟ 80 + เครป 50 + น้ำ ขนมนมเนย 50 + ค่าป็อปคอร์น 120 =
300 บาท
รูรั่วที่ 4 ความบันเทิงต่างๆ
ไม่ว่าจะไปดูหนัง ดูคอนเสิร์ต ไปเที่ยวต่างจังหวัด อย่าประมาท เพราะความสนุก บันเทิง อาจทำให้เงินร่อยหรอลงจนไม่เหลือเงินออมได้
รูรั่วที่ 4 ตั๋วหนัง =
200 บาท
สรุปวันเดียว ที่คิดว่าไม่ได้ใช้อะไรหนักหนา แต่หมดเงินไป 2,460 บาท
แล้วทั้งเดือนจะขนาดไหน?
สำหรับคนที่เถียงว่าบางอย่างมันจำเป็นนี่นา งั้นเราลองมาดูค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ กัน
ค่าโทรศัพท์ 900 + ค่าเดินทาง 100 + ค่ากินข้าวสองมื้อ 250 บาท = 1,250 บาท เท่านั้น!!!
ค่าใช้จ่ายราวครึ่งนึงเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ส่วนที่เหลืออีกครึ่ง มันคือ
‘ความอยาก’ ทั้งหมด ไม่ว่าจะอยากดูหนัง อยากกินขนม อยากซื้อของ อยากช้อปปิ้ง พูดง่าย ๆ ก็คือ
“รูรั่วทางการเงิน” ของเรา
จะดีกว่าไหม ? ถ้าเราปิดรูรั่วทางการเงินของเราให้เล็กลง ใช้เงินได้ แต่ต้องรู้จักประมาณตน มีสติ ไม่งั้นรูรั่วของเราก็จะขยายใหญ่ขึ้นๆ ค่าใช้จ่ายตอบสนองความอยากของเราก็จะมากขึ้น ๆ
สำหรับคนที่ชอบบ่นว่า ไม่มีเงินเก็บ ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาออม ลองคิดกันเล่น ๆ ว่าถ้าเราเปลี่ยนเงินที่เคยไหลไปตอบสนองความอยากของเรา โดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไร มาเป็นเงินที่ไหลเข้าบัญชีการออมของเราทุกเดือน ๆ นานวันเข้า เราจะมีเงินก้อนใหญ่ขนาดไหน ?
สำหรับคนที่ไม่อยากจดค่าใช้จ่าย หรือมานั่งจำอะไรวุ่นวาย เรามีหลักง่ายๆ ในการปิดรูรั่วทางการเงินมาแนะนำ… ทันทีที่ได้เงินมา มีรายรับเท่าไร คิดง่าย ๆ เลย
จ่ายให้ความสุขในอนาคตของตัวเราเองก่อน แบ่งเงินมาออมเลย 20% ส่วนที่เหลือก็ค่อยแบ่งเงินใช้จ่ายตามความจำเป็น และใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัวบ้างตามสมควร
แค่นี้ เราก็มีชีวิตดี ๆ มีเงินใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น มีเงินสำหรับใช้หาความสุขใส่ตัว และอุ่นใจได้ว่ามีเงินออมเพียงพอสำหรับชีวิตดี ๆ ในอนาคตที่มั่นคง เรียกได้ว่า ฉลาดคิด ฉลาดใช้ แค่เริ่มต้นออมให้ได้ 20% ลองทำดู แล้วนานวันเข้า คุณก็จะได้เป็นเจ้าของเงินก้อนใหญ่ ไม่ต้องตามหาเงินหายอีกต่อไป