หลายคนคงอยากมีเงินก้อนเอาไว้สำหรับทำตามความฝัน แต่กลับเริ่มต้นออมไม่ได้สักที เพราะยึดติดกับความคิดที่ว่า ออมเงินเป็นเรื่องยาก หากต้องออม คงหมดโอกาสจะใช้เงินสร้างความสุขให้กับตัวเอง โดยเฉพาะ
“ขาช้อป” ที่ในแต่ละเดือน ต้องขอซื้ออะไรติดไม้ติดมือ เพื่อให้กำลังใจให้ตัวเองสักหน่อย แบบนี้ จะมีทางไหนที่จะทำให้เราออมได้สำเร็จ โดยยังไม่พลาดโอกาสสอยรองเท้าคู่โปรด กับโปรตั๋วเครื่องบินแห่งปี ?
วิธีการแก้ปัญหาสำหรับการออมเงินสไตล์ “ขาช้อป” ไม่ยากเลย หากกลัวว่าเราจะออมเงินไม่ได้ ให้
แบ่งเงินออมสัก 20% ต่อเดือน หักใส่บัญชีเงินออมไว้ตั้งแต่ต้นเดือน เช่น หากเงินเดือน 15,000 บาท เราก็เก็บเข้าบัญชีเงินออมไว้ 3,000 บาท เหลืออีก 12,000 บาท เอาไว้ใช้จ่าย สำหรับบางคนที่กลัวว่า ถ้าหักเงินออมไว้ตั้งแต่ต้นเดือน แล้วจะทำให้เหลือเงินไม่พอช้อป
ให้ลองใช้เคล็ดลับ “ช้อปปิ้งลิสต์ออมเงิน” ดู โดยเริ่มจาก
- สร้างลิสต์สิ่งที่อยากได้ขึ้นมาในแต่ละเดือนพร้อมราคา
- ตั้งงบในการช้อป 20-30% ของเงินเดือน เช่น เงินเดือน 15,000 ก็ตั้งงบไว้สัก 3,000 - 4,500 บาท
- จากนั้นให้จัดอันดับชิ้นที่อยากได้มากที่สุดภายในงบนี้
- แล้วเก็บลิสต์ที่เหลือไปช้อปเดือนหน้าต่อ หรือถ้าของที่อยากได้มีราคาสูงกว่างบ ก็อาจใช้วิธีเก็บสะสมเงินสำหรับช้อปติดต่อกันสักสองสามเดือน เมื่อมีเงินพอจึงค่อยช้อป
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถออมเงินได้แบบอัตโนมัติ โดยที่ยังมีของที่อยากช้อปในแต่ละเดือนติดมือไว้ด้วย
สำหรับบางคนที่คิดว่าการดึงเงินออกไปจากมือถึง 3,000 บาทตั้งแต่ต้นเดือน ดูจะโหดร้ายกับจิตใจมากไป ให้ลองใช้วิธี
“Auto Cashback” ที่ไม่จำเป็นต้องออมก้อนโตทีเดียว แต่ใช้วิธีหักเงิน 50% ของราคาของที่ซื้อมาเป็นเงินออม เช่น ซื้อเสื้อตัวละ 500 บาท ก็แค่หยอดใส่กระปุก Auto Cashback 250 บาท พอหมดเดือนคุณก็จะได้เงินออมไปแบบไม่รู้ตัวไปแบบสบายๆ
สำหรับคนที่มองว่าการออม 20% เป็นไปไม่ได้หรอก เงินเดือน 15,000 บาท หักออมตั้ง 3,000 บาท จะกิน จะเที่ยว จะช้อปยังไง? แต่ลองคิดดีๆ 3,000 บาท แค่ไม่ซื้อรองเท้า 1 คู่ หรือลดการท่องเที่ยวลงซัก 1-2 วัน ก็สามารถออมได้ทั้งเดือนแล้ว แค่เราให้ความสำคัญกับการออมให้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่ใช้แล้วหมดไปซักนิด
ถึงการออมทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอจะไม่ได้พาเราไปสู่เงินล้านแบบรวดเร็ว ก็สามารถทำให้เราได้เงินกลับมาเป็นกอบเป็นกำอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเวลาผ่านไป เพราะการออมในแต่ละครั้ง สามารถนำไปต่อยอดได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ
“ออมแบบฝากประจำ” ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าแบบปกติ หรือการนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนแบบที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล กองทุนตราสารหนี้ หรือสำหรับคนที่อยากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และรับความเสี่ยงได้มากขึ้น ยังสามารถใช้เทคนิคลงทุนรูปแบบ DCA (Dollar Cost Average) ที่ลงทุนเท่ากันทุกเดือน ลงทุนในผลิตภัณฑ์ เช่น กองทุนรวม ซึ่งข้อดีของการลงทุนแบบนี้ คือ ช่วยกระจายความเสี่ยงได้
รู้แบบนี้แล้ว ก่อนช้อปในแต่ละเดือน ขอให้คิดทบทวนสักนิด ก่อนซื้อของแต่ละชิ้น อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ
แต่ให้คิดดูอีกทีสัก 1-2 วันว่าอยากได้จริงหรือไม่? ซื้อมาแล้วจะใช้ได้คุ้มค่าไหม?
แค่เรารู้จักฉลาดคิด ฉลาดใช้ รู้จักบริหารจัดการความต้องการของตัวเอง ก็จะทำให้เราทั้งช้อปและชิลล์ได้พร้อมกัน แถมยังมีเงินเหลือออมที่อาจกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ช่วยสร้างความฝันของเราให้เป็นจริงได้ในอนาคต