เดี๋ยวนี้การจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้นไม่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนมากมายก็สามารถเป็นได้
เชื่อหรือไม่! เงินแค่ 5,000 บาท ก็สามารถทำธุรกิจได้เช่นกัน ลองมาดูว่า...เงินจำนวนนี้สามารถทำธุรกิจอะไรได้บ้าง
1. บล็อกเกอร์
บล็อกเกอร์มีหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็นแนวบันเทิง กิน เที่ยว ช้อป แนวให้ความรู้แบบเขียนบทความ เขียนวิเคราะห์ หรือรีวิวสินค้าเพื่อแชร์ประสบการณ์ ต้นทุนของบล็อกเกอร์จึงมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก แต่ต้องอาศัยว่าสามารถแชร์ประสบการณ์ที่น่าสนใจหรือสอดแทรกความรู้และถ่ายทอดให้คนเข้าใจได้ง่าย มีเทคนิคในการนำเสนออย่างน่าสนใจ และมีความสม่ำเสมอในการนำเสนอเพื่อให้เกิดฐานแฟนติดตามที่เหนียวแน่นผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Facebook, Youtube และ Website เป็นต้น ในกรณีที่อยากจดทะเบียนชื่อโดเมนเป็นของตัวเองก็ใช้เงินลงทุนไม่มากนักและเป็นสิ่งที่บล็อกเกอร์หลายคนเลือกทำ เพราะบ่งบอกว่าเราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ชื่อนี้ในการดำเนินธุรกิจ โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่เพียงแค่ 2-3 พันบาทต่อปีเท่านั้นเอง
รายได้ของบล็อกเกอร์มีหลายแบบ หากเริ่มเป็นที่รู้จักจนเป็นที่นิยมก็จะมีรายได้จากการว่าจ้างให้รับงาน Advertorial ของแบรนด์สินค้า ที่มีความเชื่อมโยงกับตัวบล็อกเกอร์เองได้ ถ้าเป็นบล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียงหรือมีคนติดตามหลายแสนก็สามารถสร้างรายได้อาชีพตรงนี้ได้ตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ จนถึงตัวเลขหกหลักเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสามารถสร้างตัวเองให้กลายเป็นคนดังที่มีอิทธิพลต่อคนหมู่มากได้และสามารถสร้างรายได้ได้ชนิดที่เรียกว่าเป็นกอบเป็นกำ หากคุณมีความสามารถและเก่งกาจในเรื่องที่นำเสนอจริงๆ
2. แฟรนไชส์อาหาร
การลงทุนซื้อแฟรนไชส์อาหารนั้น ถือเป็นการลดความเสี่ยงครึ่งหนึ่งในการลงทุนทำธุรกิจ เพราะไม่ต้องมาเสียเวลาทำการทดลองเพื่อค้นสูตรสำเร็จ โดยแฟรนไชส์อาหารนั้นมีราคาตั้งแต่หลักพันต้นๆ จนถึงหลักหมื่น ถ้ามีงบแค่ 5,000 ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้อย่างสบายๆ เช่น การเปิดแฟรนไชส์ขายลูกชิ้นปลาในราคาเริ่มต้นไม่เกิน 2,000 บาท สิ่งที่ได้ก็คือลูกชิ้นปลาเกรดเอ 15 โล น้ำจิ้มพริกสด
1 แกลลอน และ ถุง
1 แพ็ค พร้อมป้ายร้าน ถ้าใครมีพื้นที่และอุปกรณ์การทอดขายลูกชิ้นปลาอยู่แล้ว ก็สามารถเตรียมเปิดกิจการขายได้เลย แต่ข้อเสียของการเปิดแฟรนไชส์คือ เพดานรายได้ที่ไม่เติบโต ถ้าอยากมีรายได้มากขึ้นก็คือ การลงทุนซื้อเพิ่มเพื่อขยายสาขาออกไปนั่นเอง
3. เครื่องดื่มน้ำผลไม้ตามเทรนด์สุขภาพ
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการขายเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ น้ำผลไม้ คือ กระแสที่ได้รับการตอบรับที่ดีของกลุ่มคนรักสุขภาพที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น แถมต้นทุนในการเปิดร้านและเปิดขายก็ไม่ได้สูงมากจนทำไม่ได้ ดังนั้น เงินเพียง 5,000 บาท ก็สามารถทำธุรกิจนี้ได้นะ
เคล็ดลับสำคัญของการทำน้ำผลไม้ คือ การเลือกใช้ผลไม้สดที่มีคุณภาพมาเป็นวัตถุดิบสำคัญ โดยแหล่งขายผลไม้สดเพื่อนำมาทำน้ำปั่น หรือคั้นสด หรือคั้นแยกกาก สามารถไปซื้อได้ที่ตลาดมหานาคแถวสะพานขาว ที่นี่เป็นแหล่งขายส่งโดยเฉพาะ ทำให้ได้ผลไม้สดคุณภาพดีในราคาที่ถูกกว่าตลาดปกติหลายเท่า นอกจากนั้น ยังมีแหล่งตลาดขายส่งผลไม้ขนาดใหญ่อีกหลายแห่งให้เลือกซื้อ เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท เป็นต้น เพียงตั้งงบซื้อผลไม้ไว้เพียง 1,000 บาทก็สามารถซื้อผลไม้มาได้หลายกิโลกรัมเลยทีเดียว
ส่วนที่เหลือ คือ การลงทุนกับอุปกรณ์ที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ซึ่งแนะนำให้ใช้เครื่องปั่นที่มีกำลังไฟที่มีแรงทำงานสูงกว่าเครื่องปั่นบ้าน ราคาเฉลี่ยประมาณ 1,500 – 2,000 บาท อุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ตู้แช่ขนาดเล็ก
, แก้ว
, กระติกใส่น้ำแข็ง
, น้ำแข็ง
, มีดปอกผลไม้
, ที่คั่นน้ำผลไม้
, หลอด
, ถุงพลาสติก
, น้ำเชื่อม
, ทิชชู่ ซึ่งรวมแล้วตีมูลค่าไม่เกิน 2,000 -3,000 บาท
มาถึงขั้นตอนการขาย ทำเลที่ตั้งดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ควรหาพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น เช่น ใกล้สถานศึกษา ที่ทำงาน แหล่งออฟฟิศต่างๆ หรืออยู่ในแหล่งชุมนุมชน เพราะทำเลที่ตั้งที่ดีช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ
-ขาย หรือการซื้อซ้ำ นอกจากนั้น การออกงานอีเว้นท์ต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายที่น่าสนใจ อาจลองใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์มาช่วยเพื่อทำให้คนรู้จักร้านของเราได้มากขึ้น เช่น ถ่ายรูปสวยๆ ลง Instagram
เพื่อให้คนสนใจแล้วนึกอยากมาตามรอยดื่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้ของร้านเราบ้าง
การตั้งราคาขายก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ลองคำนวณเป้าหมายการขายน้ำผลไม้อย่างง่าย เพื่อให้รู้รายได้ในแต่ละเดือน ทั้งนี้ วิธีคิดราคาในการขายน้ำผลไม้ต่อแก้วนั้นควรได้กำไรจากต้นทุนอย่างน้อย
1 เท่า เช่น ต้นทุนต่อแก้ว 15 บาท ราคาที่ขายควรอยู่ที่ 30 บาท ซึ่งราคาต่อแก้วอาจจะขึ้นอยู่กับราคาของผลไม้ประเภทต่างๆ ที่เราลงทุนไปด้วย ดังนั้น สมมติถ้าเราตั้งเป้ามีรายได้จากการขายน้ำผลไม้เดือนละ 30,000 บาท (ยังไม่รวมต้นทุน) โดยขายตามเวลาการทำงานของออฟฟิศ คือ ขายทุกวันจันทร์
– ศุกร์ วันละ 8 ชั่วโมง นั่นเท่ากับว่า เราควรต้องขายให้ได้เฉลี่ย 50 แก้วต่อวัน ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีและรสชาติถูกใจคนซื้อ เพราะถ้ามีข้อได้เปรียบในเรื่องนี้โอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำก็ย่อมเป็นไปได้สูง ดังนั้น โอกาสจะสร้างรายได้ได้ตามแผนก็มีทางเป็นไปได้
ทั้งหมดก็เป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ก้อนใหญ่ได้ด้วยเงินตั้งต้นเพียง 5,000 บาท สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ คือ การรักษาคุณภาพของงานของเรา หรือสินค้าเรา รวมทั้งความซื่อสัตย์ และความใส่ใจลูกค้า ถ้าสนใจก็สามารถนำไปทำตามได้นะครับ เผื่ออนาคตคุณอาจจะได้เป็นเจ้าของกิจการก็ได้ ใครจะรู้...