คุณมีอาการหมดไฟในการทำงานอยู่หรือเปล่า?

0 Share
0
คุณมีอาการหมดไฟในการทำงานอยู่หรือเปล่า?

สำรวจดูคุณมีอาการแบบนี้อยู่หรือไม่?

วันนี้เราลองมาสวมบทบาทให้ตัวเองเป็นคุณหมอสักครั้ง สำรวจตัวเองว่าคุณมีอาการเข้าข่ายของ Burnout Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือไม่? เราลองดูกัน ในการทำงานย่อมมีปัญหาหรืออุปสรรคในอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม เช่น จากเนื้องาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง ลูกค้า หรือแม้แต่ตนเอง และแน่นอนบางครั้งก็อาจทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจไปบ้าง จงอย่าลืมว่าทุกปัญหาและอุปสรรคมีหนทางให้คุณสามารถผ่านไปได้เสมอ

Burnout Syndrome คืออะไร? ทำไมถึงเป็น?

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Burnout Syndrome กันดีกว่า คืออาการเบื่องาน รู้สึกหมดไฟไม่มีแรงบันดาลใจในการทำงาน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ของอาการนี้มักเกิดจากความเครียดสะสมจากการทำงาน ไม่ว่าจากการที่เราต้องรับผิดชอบงานที่เราไม่ถนัด หรือแม้แต่ขาดที่ปรึกษาในการทำงานและสาเหตุอื่นๆ จนทำให้รู้สึกขาดแรงจูงใจ ไม่มีสมาธิกับการทำงาน และในบางครั้งทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร่างกายไปด้วยเช่นกัน

แบบไหนที่เรียกว่า Burnout Syndrome

ถึงจะไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงที่แสดงออกทางร่างกาย แต่ก็ไม่ควรมองข้าม ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย และนำไปสู่โรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ มาลองตรวจเช็คดูง่ายๆ ว่าคุณกำลังมีอาการเหล่านี้อยู่หรือเปล่า?
  1. รู้สึกหมดไฟ เหนื่อยล้า พลังในการใช้ชีวิตหดหาย
  2. มีความรู้สึกไม่อยากไปทำงาน ต้องการมีระยะห่างจากงาน หรือมีทัศนคติเชิงลบต่องาน
  3. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
  4. ไม่ดีใจกับความสำเร็จที่ได้รับ
หากคุณมีอาการเบื้องต้นทั้ง 4 ข้อนี้ แสดงว่าคุณกำลังเข้าข่าย Burnout Syndrome แล้ว นอกจากนี้ยังต้องสังเกตอาการทางกายด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีตั้งแต่ นอนไม่หลับ รู้สึกเหนื่อย หมดแรง ร่างกายอ่อนเพลีย มีอาการปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ รวมไปถึงความสามารถในการจำและสมาธิในการทำงานลดลง

Burnout Syndrome รักษาได้ด้วยการสร้างความสุขให้ตัวเอง

วิธีรักษา Burnout Syndrome ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยคุณสามารถเริ่มต้นจากการเขียนข้อความให้กำลังใจตัวคุณเองแล้วติดไว้บนโต๊ะทำงานเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน พยายามทบทวนถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ชื่นชมข้อดีของตนเองและผู้อื่น เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสุข อย่าลืมให้รางวัลชีวิตแก่ตัวคุณเองบ้าง เช่น คุณสามารถผ่านปัญหาหนักๆ มาได้ ลองมองหาของขวัญให้ตัวเองสักชิ้นเพื่อเป็นรางวัล เช่น ไปกินข้าวร้านโปรด หรือจัดทริปเที่ยวพักผ่อนสมอง เป็นต้น อีกวิธีที่ช่วยได้คือ การออกมาอยู่กับโลกความจริงที่สัมผัสได้ ลองออฟไลน์ออกจากโลกโซเชียล แล้วหันมาพูดคุย ทำกิจกรรมต่างๆ กับคนใกล้ชิด และออกมาสังคมให้มากขึ้น

ปรับสมดุลให้ชีวิต

การโหมงานหนักเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหวสะสมกันเป็นเวลานาน นั่นละคือการนำไปสู่ Burnout Syndrome ได้ ลองปรับสมดุลชีวิตใหม่ ทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ด้วยการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกล้าตลอดเวลา รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กำหนดเวลาการทำงานให้เหมาะสมในแต่ละวัน ไม่เสียเวลาจัดการงานที่ทำไม่ได้หรือติดขัดนานเกินไป จนส่งผลให้ทำงานไม่สำเร็จสักชิ้นเดียว

หากคุณปฏิบัติตามคำแนะนำแล้ว ยังไม่สามารถรับมือกับอาการเหล่านี้ได้อีก ส่งผลถึงร่างกายและจิตใจอย่างมาก ขอแนะนำให้คุณอย่าลังเลที่จะเข้าไปปรึกษาและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยที่สำคัญคุณต้องเชื่อมั่นเสมอว่าทุกปัญหามีทางออก และตัวเองทำได้ ถึงแม้มันจะยากแค่ไหน แต่สุดท้ายมันมีทางออกอย่างแน่นอน....


< ย้อนกลับ